ทักษิณ รอพักโทษ บิ๊กยธ.ยันสิทธิของ ราชทัณฑ์ ไม่ยุ่งการเมือง

ทักษิณ รอพักโทษ บิ๊กยธ.ยันสิทธิของ ราชทัณฑ์ ไม่ยุ่งการเมือง

กรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราช หัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโทษจำคุกใน 3 คดี จำนวน 8 ปี ลดเหลือรับโทษเพียง 1 ปี เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป อีกทั้งในกรณีอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ต้องขังสูงวัยและมีอาการเจ็บป่วย 4 โรคเรื้อรังและยังอยู่ระหว่างการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นเหตุให้อาจเข้าข่ายเกณฑ์ที่จะได้รับการพิจารณาพักการลงโทษ ด้าน “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็น “ทักษิณ” มีสิทธิเหมือนนักโทษเด็ดขาดทั่วไป หลังได้รับการอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี ทั้งการได้รับการอภัยโทษตามโอกาสต่างๆ

และการขอพักโทษ แต่ยังไม่มีการทำเรื่องขอมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 ก.ย. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ และ รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ากรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เป็นจุดเริ่มต้นในคดีการเมืองของคนอื่นๆอย่างไร ว่า สิ่งที่ เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกันเลย วันนี้รัฐบาลชุดใหม่ยังไม่ได้บริหารประเทศ กรณีนายทักษิณเป็นเรื่องต่อเนื่องมา ตั้งแต่ปี 48/49 จนถึงปัจจุบันเกือบ 20 ปี

กระบวนการนี้ท่านพูดชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทย ท่านจะใช้กระบวนการ ศักยภาพ ความสามารถในการ ประสาน เสนอ แสดงความตั้งใจ แสดงเจตจำนง เป็นท่านเองที่มองว่ากระบวนการยุติธรรมที่ตัดสิน ยังเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรม ท่านคิดว่าการเข้ามาสู้ การเปิด โอกาสให้สังคมได้ทบทวนในสิ่งต่างๆเหล่านี้ ต้องยอมรับ ว่า สังคมมองนายทักษิณในลักษณะชื่นชมยินดีก็มีมาก มองในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์ก็มีไม่น้อย เมื่อเป็นแบบนี้ต้องให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำหน้าที่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย

วันเดียวกัน แหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมกล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า กรณีนายทักษิณ เป็นผู้ต้องขังสูงวัยและมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง อาจเข้า เกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามกฎกระทรวงแห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 คือ อาจจะต้องรับโทษอย่างน้อย 1 ใน 3 หากนายทักษิณผ่านหลักเกณฑ์ จนเหลือโทษ 1 ใน 3 ของ 1 ปี และหากได้รับการพักการลงโทษจะเป็นไปตามขั้นตอนคือ ราชทัณฑ์นำตัวไปรายงานต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติภายใน 3 วัน เพื่อกำหนดนัดหมายวันเวลาสำหรับการรายงานตัวรายเดือน ส่วนเรื่องการติดหรือไม่ติดกำไล EM ขึ้นอยู่กับ ดุลพินิจของพนักงานคุมประพฤติ แต่ในกรณีนายทักษิณ เป็นผู้ต้องขังสูงวัยที่ป่วยรุมเร้าด้วย 4 โรคเรื้อรังและ ยังเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สำนึกในการกระทำ ความผิด เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี เป็นไปได้ว่าจะไม่เข้าข่ายต้องติดกำไล EM แต่อาจจะพ่วงเงื่อนไขไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับงานการเมืองใดๆ แหล่งข่าวระดับสูงเผยอีกว่า อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่นายทักษิณจะพ้นโทษและได้รับการ ปล่อยตัวทันทีคือ กรณีมีพระราชกฤษฎีกาประกาศลงราชกิจจานุเบกษา โดยการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป ในวาระโอกาสสำคัญ เช่น วันที่ 13 ต.ค. หรือวันที่ 5 ธ.ค. เป็นต้น จะต้องดูรายละเอียดแนบท้าย ด้วยว่ามีสาระเนื้อหาการยกเว้นอื่นใดหรือไม่ แต่ทั้งหมด เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ