จากคดีสะเทือนขวัญ เมื่อวานนี้ (28 ส.ค. 2566) ที่บ้านทาวน์เฮ้าส์ 3 ชัั้น จ.สมุทรปราการ สำหรับกรณีของสามีหนี้ท่วมตัว กำลังจะโดนยึกบ้าน แต่เงินส่วนนั้นก็ยังพอมีทางออก แต่ภรรยาดันไปกู้เงินจากแอปกเงินกู้ แต่กลับถูกหลอกให้โอนไปก่อน สุดท้ายสูญเงิน ทำให้สามีเกิดอาการเครียดปลิดชีพยกครัวภรรยาและลูก รวม 3 คน ก่อนใช้มีดทำร้ายตัวเอง กะจะตามครอบครัวไป แต่ไม่ได้เป็นตามที่คิด เพราะไม่เสียชีวิต แต่ก็อาการสาหัส

โดยสาเหตุที่ผู้ก่อเหตุ ก่อนทราบชื่อที่หลังว่าคือ นายสาณิช ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองและครอบครัว คาดว่าน่าจะมาจากปัญหาหนี้สิน ที่ก่อนหน้านี้ เขาได้เซ็นค้ำประกันรถยนต์ให้อดีตนายจ้างช่วง 6-7 ปีที่แล้ว แต่อดีตนายจ้างไม่จ่ายแล้วหลบหนีไป ทำให้เจ้าหนี้มาตามทวงถามเอากับ นายสาณิช จนถูกฟ้องร้อง ศาลตัดสินให้ นางสาณิช ต้องชดใช้เงินต้น 4 แสน และดอกเบื้ยอีก 4 แสนรวมแล้วประมาณ 8 แสนบาท หากไม่มีเงินจ่ายจะถูกยึดบ้าน

แต่เมื่อมีการดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ย เจ้าหนี้สรุปยอดเงินที่ นายสาณิช จะต้องชดใช้เป็นเงินประมาณ 4 แสนกว่าบาท ซึ่ง นายสาณิช มีเงินเก็บอยู่ประมาณ 4 แสนบาท ยังขาดเงินกว่าอีก 1 แสนบาท ด้วยความหวังดีอยากช่วยสามี นางวิภาพร ตัดสินใจไปกู้เงินผ่านแอปพลิเคชั่นหนึ่ง

แต่กลับถูกหลอกให้โอนเงิน อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการหลายครั้ง ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน จนนางวิภาพร ไปหยิบยืมเงินจากเพื่อนคนอื่นอีกหลายคน เพราะหวังว่าจะได้เงินที่เสียไปคืนและนำมาปิดหนี้ แต่สุดท้ายนอกจากไม่ได้เงินคือ ยังเสียเงินไปรวมกว่า 1 ล้าน 7 แสนบาท

ทั้งนี้ที่เกิดเหตุ ตำรวจได้พบกับจดหมายที่นายสาณิช ผู้ก่อเหตุเขียนด้วยลายมือ ก่อนก่อเหตุ เป็นข้อความระบุว่า ถึงพ่อและเฮียก๊อก ที่รักและเคารพ ขอบคุณพ่อและเฮีย ที่เลี้ยงผมมา ผมไม่สามารถดูแลครอบครัวไว้ และผมไม่อยากทิ้งลูกไว้ได้ ผมขอโทษที่ทำแบบนี้ ไม่มีใครถูกและผิด ในการกระทำครั้งนี้ ผมและครอบครัวเป็นคนทำกันเอง ฝากดูแลพ่อด้วยนะ ชาติหน้ามีจริง ขอเกิดเป็นพ่อ เป็นพี่ชาย แบบนี้ตลอดไป รักมากทุกคน ฝากบอกหลาน ๆ ให้ตั้งใจเรียนและทำงาน อาขอโทษทุกคนด้วย โดยเบื้องต้น นายสาณิช ถูกตำรวจแจ้งข้อหาและยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

เรียบเรียง siamnews