หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติตีความว่าการเสนอชื่อบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบในรอบที่ 2 เป็นญัตติทั่วไป ต้องห้ามนำเสนอญัตติซ้ำอีกตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 41 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์

มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย เมื่อมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว คำขออื่นย่อมมีอันตกไป เนื่องจากเห็นว่า ผู้ร้องเรียนไม่ใช่บุคคล ซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรง ไม่อาจใช้สิทธิยื่นคำร้องเรียนได้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ระบุว่า มติศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้องโหวตชื่อตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำได้หรือไม่ ถือว่าไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย และไม่ได้เป็นการปิดฉากการชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด เพราะยังมีเงื่อนไขว่า ยังสามารถที่จะยื่นเสนอชื่อของตนเอง ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้อีก

ส่วนเรื่องการถือครองหุ้น itv นั่น ตนยังคงเชื่อมั่นว่า itv ไม่ได้ทำการประกอบกิจการสื่อมวลชนแล้ว และ ส่วนตัวเชื่อว่าคงจะมีทุกกระบวนการสกัดกั้นไม่ให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตนไม่ได้กลัว ไม่ได้โกรธ และ ไม่ได้เกลียด เพราะเป็นบทละครที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่ก่อนพรรคอนาคตใหม่

ทว่าสิ่งที่ตนเองได้กลับมาในเรื่องนี้ คือ ความกล้า ที่จะรับฟังคนอื่น และ ตั้งคำถามกับความไม่ปกติที่เกิดขึ้นในการเมืองไทยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้เป็นผู้นำพรรค ที่มีคนมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย

หากในภายภาคหน้าจะต้องเจอปัญหา ก็ยังสู้ไหว เพราะผู้มีอำนาจมีราคาที่ต้องจ่ายสูงมาก ดังนั้น เราจะใช้เวลาในช่วงนี้ ทั้งรุกและรับ ให้พี่น้องประชาชนเห็นว่า มีพรรคการเมือง ที่ทำให้มองเห็นอนาคตและก็ไม่ประมาท พร้อมตั้งรับในทุกกระบวนการ

เรียบเรียง siamnews