วานนี้ (15 สิงหาคม 2566) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์กล่าวถึงประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลว่า จริง ๆ รู้สึกหรือมีสัญญาณสลายขั้ว ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันแรกของการลงนามบันทึกข้อตกลงของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิม (MOU) เนื่องจากมีหลายระเบียบวาระที่ไม่ตรงไปตรงมากับสิ่งที่เคยพูดกับประชาชน

ฉะนั้น หาก 8 พรรคร่วมเดิมที่มี 312 เสียงจับมือกันให้แน่น ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ ท้ายที่สุดแรงกดดันจะไปอยู่ที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และคนจะพากันพูดถึงแก่นของปัญหานี้ คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

คุณหญิงหน่อย กล่าวต่ออีกว่า มีหลายท่าทีจากบางพรรคการเมือง ในการลงนาม MOU ครั้งแรก โดยตนเองเคยผ่านการจัดตั้งรัฐบาล และมีประสบการณ์ในการเป็นทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หลายสมัย ย่อมทราบดีว่า ถ้าจะทำงานด้วยกันจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

ถือว่าใกล้เคียงมากที่สุดแล้ว ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ที่มี 2 พรรครวมกัน (ก้าวไกลและเพื่อไทย) ได้ 300 กว่าเสียง แล้วใครจะคิดว่าจะเกิดแบบนี้ ที่เสียใจ คือ เสียใจแทนพี่น้องประชาชน เมื่อทำให้ประชาชนผิดหวัง การทำงานก็จะยากขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับ พรรคก้าวไกลนั้น ไม่ได้พูดคุยกับตนเองมากนัก เนื่องจากพรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคเล็ก ได้แต่เอาใจช่วยให้ 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยอยากให้ทั้งสองพรรคจับมือกันให้แน่น เพราะอยากให้การเมืองไทยกลับคืนมาเป็นประชาธิปไตยของประชาชน

การเลือกตั้งที่ผ่านมาใช้ทุนอย่างมาก ตนกลัวว่าการถอนทุนจะมโหฬาร ถึงขนาดที่เศษเงินจะไม่ไปถึงคนจน เราจะต้องเจออะไรที่ยิ่งกว่าบุฟเฟต์คาบิเนต หรือคอร์รัปชันทานไม่อั้น ซึ่งเป็นฉายารัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ ปี 2534 ที่เคยถูกรัฐประหารมา

เรียบเรียง siamnews