หนุ่มสวมหมวกกันน็อคเข้าห้างฯ เตือนไม่ฟัง ตร.ชักอาวุธยิงเท้าเจ็บ
เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 7 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.อุทัย หนองสาหร่าย สว.สอบสวนสภ.คลองหลวง รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาคลองสาม ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณฝ่าเท้าฝั่งซ้าย
ทราบชื่อต่อมานายอากร อายุ 27 ปี ถูกนำตัวส่ง รพ.ปทุมธานี โดยผู้ก่อเหตุคือ ร.ต.ท.ภัณเต อายุ 58 ปี ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเดินเท้า ห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ดูแลความเรียบร้อยธนาคาร 3 แห่ง ร้านทอง 1 แห่ง ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งยืนคุมเชิงอยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมอาวุธปืน โดยมีกลุ่มเพื่อนของผู้ได้รับบาดเจ็บและประชาชนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัว ร.ต.ท.ภัณเต ขึ้นรถยนต์สายตรวจไปยังสภ.คลองหลวง โดยให้ตำรวจนายอื่นปฏิบัติหน้าที่ แทนก่อนเพราะธนาคารและร้านค้าทองยังไม่ปิดให้บริการ
ทางด้านนายศักดิ์รินท์ อายุ 22 ปี ให้การว่า ตนเองและเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บมาที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อนฝากเงินที่ธนาคารโดยใช้รถจยย.เป็นยานพาหนะ โดยหลังจากมาถึงก็เดินเข้าไปทำธุรกรรมที่ตู้ฝากเงินอัตโนมัติที่ธนาคารซึ่งอยู่ด้านใน โดยคนเจ็บสวมเสื้อยืดกางเกงวอร์มสวมหมวกกันน็อคแบบครึ่งใบเข้าไปด้านใน ส่วนตนเองสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์สวมหมวกแก๊ปเข้าไปจนทำฝากเงินที่ตู้อัตโนมัติเสร็จจึงพากันเดินออกมา โดยมีตำรวจที่ดูแลความเรียบร้อยด้านในเดินตามออกมา ก่อนจะยืนเถียงกัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะชักอาวุธขึ้นมาแล้วยิงจำนวน 1 นัด กระสุนถูกฝ่าเท้าเพื่อนตนเองจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตนเองนำเงินมาฝากที่ธนาคารเป็นประจำ โดยขณะที่ตนเองเข้าไปฝากเงินกับเพื่อนตนเองคนก่อเหตุนั่งตาแดงอยู่ ตนเองก็ไม่รู้เกิดจากอะไร
พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องจึงได้เดินทางไปตรวจสอบและสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่า ร.ต.ท.ภัณเต รองสว.จร.สภ.คลองหลวง ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเดินเท้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาคลองสาม ผู้ที่ใช้อาวุธเห็นว่าผู้เสียหายเดินใส่หมวกกันน็อคเข้าห้างสรรพสินค้า เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายเพราะที่ผ่านมาเคยมีเหตุชิงทรัพย์ธนาคารร้านค้าทองมาแล้ว ตำรวจจึงเข้าไปพูดคุยเพื่อให้ถอดหมวกจนเกิดการโต้เถียงกัน กระทั่งผู้เสียหายฝากเงินเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินประกบไปห่างๆ เพราะทางออกต้องผ่านร้านค้าทองและธนาคารกลัวเรื่องความปลอดภัย
กระทั่งมาถึงประตูหน้าห้างสรรพสินค้าตำรวจได้ชักอาวุธออกมาจากซองพกจนทำให้อาวุธปืนลั่น กระสุนถูกฝ่าเท้าผู้เสียหาย หลังจากนี้จะได้สอบปากคำผู้ก่อเหตุ ผู้เสียหาย พยานบุคคลและตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงในคดีเพื่อดำเนินคดีโดยจะให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ขณะที่มาตรการความปลอดภัยของสถานที่การเข้าห้างสรรพสินค้า ธนาคาร ร้านค้าทอง จะห้ามใส่หมวกกันน็อคเข้ามาด้านในเพราะพฤติกรรมของคนร้ายที่เคยก่อเหตุจะใส่หมวกกันน็อคเข้ามา
ส่วนของทางคดีนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของผู้จะหายเอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบข้อมูลจรปิดทั้งหมด มาประกอบสำนวนคดีส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้อาวุธยิงนั้นก็ได้มีการเก็บค่าเขม่าดินปืน และสอบสวนพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมด เพื่อที่จะให้ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องของคดีว่าเป็นยังไงบ้าง และมีการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุด้วย แลดูเรื่องของพยานหลักฐานว่าเป็นยังไง
ในส่วนของห้างสรรพสินค้าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นึกถึงความปลอดภัยของสถานที่ก็ได้มีการติดป้ายประกาศห้ามสวมหมวกกันน็อคเข้าไปภายในห้างหรือร้านทองต่างๆ ซึ่งพฤติกรรมส่วนใหญ่ของคนร้ายที่มาก่อเหตุนั้นก็จะสวมหมวกกันน็อคปกปิดใบหน้า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น และได้นำตัวตำรวจผู้ก่อเหตุไปเป่าแอลกอฮอล์ ปรากฏว่าไม่พบแอลกอฮอล์ภายในร่างกาย พร้อมกันนี้ก็ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆต้องรอสอบสวนพยานหลักฐานทั้งหมดก่อน และในกล้องวงจรปิดทางด้านผู้เสียหายจะใส่หมวกกันน็อคตลอดเวลาเมื่ออยู่ในห้างสรรพสินค้า
เรียบเรียง siamnews