วันที่ 29 กรกฎาคม 2566 ชุดปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จับกุม น.ส.ณัฐณิชา (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี พร้อมด้วยของกลาง รถเก๋งมิตซูบิชิ มิราจ สีขาว ทะเบียน กจ-1265 สุพรรณบุรี จำนวน 1 คัน และแผ่นป้ายทะเบียน กจ-1265 สุพรรณบุรี จำนวน 2 แผ่น ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม จับได้บริเวณ กม.41-42 ทล.1 ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

สืบเนื่องขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุม ได้ออกตรวจพื้นที่อยู่พบรถเก๋งคันดังกล่าวขับอยู่บริเวณ กม.41-42 ทล.1 ถ.พหลโยธิน เมื่อตรวจสอบทะเบียนในระบบพบว่า เป็นรถติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม เนื่องจากป้ายทะเบียนนี้เป็นของรถยนต์ยี่ห้ออื่น จึงได้ส่งสัญญาณให้จอดเพื่อตรวจสอบ

เบื้องต้นพบ น.ส.ณัฐณิชา เป็นผู้ขับ เมื่อขอดูเอกสารจดคู่มือรถและแผ่นป้ายเสียภาษีประจำปี กลับไม่มีมาแสดง เมื่อตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนยังพบว่าเป็นป้ายปลอม จากการสอบถามให้การว่า เมื่อปี 2564 ได้ซื้อรถคันดังกล่าว ติดแผ่นป้ายทะเบียน 7กท-2004 กรุงเทพมหานคร จากช่องทางเฟซบุ๊ก ในราคา 60,000 บาท จากนั้นได้ให้แฟนหนุ่ม สั่งทำแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข กจ-1265 สุพรรณบุรี ที่ติดอยู่ในขณะนี้ ในช่องทางเพจรับทำแผ่นป้ายทะเบียน ราคา 500 บาทต่อคู่แล้วนำมาติดแทนป้ายทะเบียนเดิม ทั้งนี้ทราบดีว่าผิดกฎหมาย เพราะเป็นป้ายทะเบียนปลอม จนมาถูกตำรวจตรวจสอบและจับกุมได้ดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ปลอมเอกสารทางราชการปลอม นำตัวส่ง สภ.คลองหลวง ภ.จว.ปทุมธานี ดำเนินคดีต่อไป

หลังจับกุม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปรท รอง ผบก.ทล. ได้สั่งให้ พ.ต.ต.กัญจิรา นรสาร สว.อก.กก.2.บก.ปปป. ในฐานะเลขาชุดปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปจร.บช.ก.) ประสานตำรวจทางหลวงชุดจับกุมขยายผลหาที่มาของรถดังกล่าว

จากการตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นของ น.ส.กนกวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้ติดต่อไปสอบถามทราบว่า เมื่อปี 2562 ที่บ้านเกิดมีปัญหาทำให้ไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดรถเก๋งมิตซูบิชิ มิราจ สีขาวทะเบียน 7กท-2004 กรุงเทพมหานคร ที่ยังติดไฟแนนซ์อยู่ประมาณ 3 แสนกว่าบาทได้ จึงได้สอบถามญาติว่า ใครอยากได้รถให้มารับไปผ่อนต่อได้เลย โดยไม่ต้องเสียเงินจ่ายเงินดาวน์ จากนั้นญาติได้ให้คนรู้จักมารับรถไป ต่อมาเริ่มเกิดมีปัญหา ไฟแนนซ์ส่งจดหมายมาทวงค่างวดรถทุกเดือน แต่ไม่สามารถหาเงินมาชำระค่างวดได้ สุดท้ายต้องถูกฟ้องรัองถูกบังคับคดีขายบ้านทอดตลาด โดยบ้านนั้นให้แม่อาศัยอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด ที่ผ่านมาติดตามหารถมาตลอดเพื่อจะมาเคลียร์กับไฟแนนซ์ แต่ไม่รู้จะไปหาได้จากที่ไหน โชคดีที่เจ้าหน้าที่มาพบรถในที่สุด

ด้าน พ.ต.ต.กัญจิรา กล่าวว่า ได้ประสานกับบริษัทไฟแนนซ์แล้ว คาดว่าน่าจะมีทางออกกับผู้เสียหาย เนื่องจากสามารถเอารถมาคืนได้ ทั้งนี้อยากฝากเตือนไปถึงผู้ที่มีรถแต่ผ่อนต่อไม่ไหว ถ้าจะให้รถกับใครไปผ่อนต่อ หรือขายดาวน์ ขอให้ทำเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่ถูกต้อง ยิ่งถ้าทำสัญญาต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่บริษัทไฟแนนด้วยจะยิ่งดี เพราะจะได้ไม่ต้องมามีปัญหาในภายหลังเหมือนเช่นเคสนี้ ที่เกือบต้องเสียทั้งรถเสียทั้งบ้าน รวมทั้งผู้ซื้อรถมาใช้ต้องตรวจสอบดูด้วยว่ารถคันดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร ถูกต้องหรือเปล่า เพราะอาจจะเป็นรถผิดกฏหมาย ทำให้ผู้ขับหรือผู้ครอบครองมีความผิดไปด้วย