เก๋ง 2 คัน ประสานงาสนั่น พังยับคู่ เสียชีวิตสลด 2 เจ็บ 5

เก๋ง 2 คัน ประสานงาสนั่น พังยับคู่ เสียชีวิตสลด 2 เจ็บ 5

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 66 พ.ต.ท.คมกฤช อรุโณทัย สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งสง รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋ง 2 คัน ชนประสานงากัน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนสายเอเชีย หมู่ 2 ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์เวร รพ.ทุ่งสง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมสยามรวมใจปู่อินทร์ อ.ร่อนพิบูลย์ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมสยามรวมใจปู่อินทร์ อ.ทุ่งสง

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อนิสัน รุ่นอัลเมร่า สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร สภาพพลิกคว่ำหงายท้องล้อชี้ฟ้า ตัวรถพังเสียหายยับเยินทั้งคัน ภายในรถพบคนขับและคนนั่งข้างกันติดอยู่ภายใน สภาพมีบาดแผลฉกรรจ์ตามร่างกายหลายแห่ง เจ้าหน้าที่กู้ภัยระดมกำลังนำเครื่องตัดถ่างตัดซากรถ เพื่อนำคนเจ็บออกมา และเร่งทำการปั๊มหัวใจช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายไว้ได้ เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นายอนันต์ ศรีเมืองแมน อายุ 54 ปี ชาวจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นคนขับ และ น.ส.ปิยพร แซ่เล้า อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดระยอง นั่งข้างคนขับ

ใกล้กันยังพบรถเก๋งอีก 1 คัน ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์-เงิน ทะเบียนนครศรีธรรมราช สภาพพังยับเยิน ชิ้นส่วนอะไหล่ตกกระจายเต็มถนน ภายในห้องโดยสารมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ 5 คน แต่ละคนอาการค่อนข้างสาหัส มีบาดแผลฉีกขาดตามร่างกาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เร่งให้การช่วยเหลือนำตัวทั้งหมด ส่ง รพ.ทุ่งสง ทราบชื่อต่อมาคือ 1. นายสมนึก แสวงโลก อายุ 46 ปี (คนขับ) 2. น.ส.นันทพร คงแคล้ว อายุ 18 ปี 3. น.ส.ทรธิดา แสวงโลก อายุ 18 ปี 4. น.ส.นิชชา ทองจินดา อายุ 18 ปี และ 5. น.ส.จารุวรรณ อักษรวงศ์ อายุ 17 ปี ทั้งหมดเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอนันต์ คนขับรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน กำลังขับรถกลับมาจากสถานที่ท่องเที่ยว ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเดินทางกลับบ้านพักใน จ.จันทบุรี โดยมี น.ส.ปิยพร ภรรยา นั่งมาด้วยที่เบาะหน้าข้างคนขับ ขณะขับมาถึงที่เกิดเหตุคาดว่า คนขับน่าจะเกิดอาการอ่อนเพลียจากการขับรถในระยะทางไกล และเกิดอาการวูบหลับใน ทำให้รถเสียหลักตกร่องกลางถนน พุ่งเหินข้ามเกาะกลางไปชนประสานงากับรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส ที่มี นายสมนึก เป็นคนขับ ซึ่งกำลังขับมาสวนทางมุ่งหน้าลงใต้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 5 คน

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสอบสวน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ