สาวอดีตบริษัทดังร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกให้ออกจากงาน มีภาระต้องดูแลครอบครัว

สาวอดีตบริษัทดังร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกให้ออกจากงาน มีภาระต้องดูแลครอบครัว

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบคุณอุ๊พร้อมทั้งได้สอบถามเรื่องดังกล่าวทราบว่าสืบเนื่องนางสาวนงนุช (อุ๊) ปานฉิม อายุ 31 ปี 107 ม.2 ต.ไทรงาม อ.บางเลน จ.นครปฐม อดีตสาวโตโยต้าสาขาบางเลนเล่าว่าตนเองออกจากที่ทำงานเก่าแล้วหางานและได้มาสมัครงานที่บริษัทขายรถชื่อดังแห่งหนึ่งและได้เข้าทำงานวันที่ 18 มกราคม ทำได้ประมาณ 3-4 เดือนจนมีใบอนุมัติผ่านการทดลองงานจะบรรจุเป็นพนักงานประจำ แล้วประมาณ 2-3 วันต่อมาทางสำนักงานใหญ่เรียกเข้าไปพบแล้วช่วงแรกที่คุยกันก็อ้างเรื่องการทำงานผิดพลาดหรือผิดขั้นตอนขึ้นมาคุยและทางตนเองก็ได้แจ้งรายละเอียด

ให้ทางหัวหน้าฝ่ายบุคคลทราบแล้วว่าสาเหตุเกิดจากอะไรและได้เคลียร์กับลูกค้าผ่านไปได้ด้วยดีแล้วแต่ทางหัวหน้าฝ่ายบุคคลได้พูดขึ้นมาว่า "ณ ตอนนี้มันมีเหตุการณ์ความผิดพลาดในการทำงานนี้เกิดขึ้นแล้วมันจำเป็นจะต้องตรวจสอบประวัติเรายินดีให้ตรวจสอบประวัติไหม ตนเองก็ตอบว่ายินดีค่ะ แล้วทางแล้วฝ่ายบุคคลถามขึ้นมาว่าแล้วเรามีปัญหาอะไรกับที่ทำงานเก่าหรือเปล่า ตนเองก็ได้ตอบไปว่าส่วนตัวหนูไม่มีปัญหาอะไร แต่ติดปัญหาเรื่องพ่อค่ะเจ้านายเก่าเอาบัตรประชาชนพ่อไปปลอมแปลงเอกสารเพื่อไปใช้รับงานเป็นผลประโยชน์ของเค้าเองโดยพ่อไม่ได้อนุญาติและพ่อไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วย แล้วทางหัวหน้าฝ่ายบุคคลจึงพูดกับตนเองขึ้นว่า แล้วถ้าพี่จะไปขอให้บริษัทเก่า(เจ้านายเก่า)ออกหนังสือรับรองเราเค้าจะยินดีออกให้ไหม ตนเองเลยตอบไปว่า

คนมีเรื่องกันอยู่เค้าคงไม่มาออกหนังสืออะไรให้หรอกค่ะ แล้วทางหัวหน้าฝ่ายบุคคลจึงพูดว่า แล้วอย่างนี้จะทำยังไงถ้าพี่ไปตรวจสอบแล้วพบว่าเราไม่บริสุทธิ์จริงพี่ก็ต้องแจ้งทางเจ้านายว่าเรามีเหตุอะไรๆถ้าถึงขี้นตอนนั่นแล้วทางบริษัทก็ต้องออกเป็นหนังสือให้ออกจากงานเราก็จะมีประวัติเสีย จึงแนะนำให้ตนเองเขียนใบลาออกจะเป็นผลดีกว่า ซึ่งคำพูดนั้นก็ทำให้ตนเองคิดว่ายังไงเจ้านายเก่าหนูก็ไม่ยินยอมออกหนังสือแสดงความบริสุทธิ์ให้หนูแน่นอน หนูจึงต้องเขียนใบลาออก

แต่ทางหัวหน้าฝ่ายบุคคลไม่ได้แจ้งตนเองตรงๆว่ามีเจ้านายเก่ามาพูดให้กับเซลล์ที่สาขาบางเลนฟังว่าตนเองโกงบริษัทออกมาเป็นหนี้บริษัทไม่ยอมชดใช้ตนเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องปิดปังข้อมูลความจริงถ้าพูดออกมาตรงๆตนเองจะได้ชี้แจ้งความเป็นจริงและจะได้ไม่ยินยอมเขียนใบลาออก)

ตนเองจึงคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย เพราะตอนนี้ไปสมัครระแวงบางเลนไม่ได้เลยเจ้านายเก่ายังตามก่อกวนไม่เลิกรา

แต่ช่วงประมาณเดือนเมษายน ตนเองได้รับหมายเรียกตัวจากตำรวจ สภ.บางเลนว่าทางเจ้านายเก่าแจ้งว่าหนูยักยอกทรัพย์ไปจำนวนเงินเป็นแสนซึ่งตนเองก็ได้ถามจากทางตำรวจว่ายักยอกทรัพย์นั้นคืออะไร ตำรวจตอบว่าบิลน้ำมันหนูยักยอกบิลน้ำมันไปเติมรถส่วนตัว หนูเลยถามว่าน้ำมันอะไรคะในบิลที่ว่านี่น้ำมันอะไร ทางตำรวจตอบว่าเป็นบิลน้ำมันดีเซล ซึ่งรถของตนเองเติมน้ำมันเบนซินมันเป็นไปไม่ได้ที่ตนเองจะยักยอกน้ำมันดีเซลมาเติมรถหนู ตนเองก็แจ้งทางตำรวจไปแบบนั้น ทางตำรวจก็ไม่ได้ถามอะไรต่อยอกแค่ว่าเดี๋ยวจะเรียกทางเจ้านานเก่ามาสอบสวนอีกที และหลังจากนั้นก็เงียบไปจนตนเองต้องโทรตามอยู่บ่อยๆตนเองบอกกับทางตำรวจไปว่าหนูขอขึ้นศาลอย่างเดียว ทางตำรวจจึงตอบว่าได้เดี๋ยวอีก2-3วันจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา จากนั้นก็เงียบไปจนทุกวันนี้

ซึ่งตนเองได้ไปร้องของความเป็นธรรมที่ศูนย์ดงค์ธรรมอำเภอบางเลนและสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครปฐมยังไม่มีความคืบหน้าอีกทั้งตนเองก็มีอาการซึมเศร้าต้องทานยาอยู่เป็นประจำและได้ไปแจ้งความที่สภ.สามควายเผือกเรื่องถูกกล่าวหาให้เขียนใบลาออกจากงานโดยอ้างว่ามีข้อผิดพลาดการทำงานซึ่งตนเองก็ยังไม่เข้าใจเช่นกันในการทำงานตนเองทำงานอย่างเต็มที่นางสาวนงนุช (อุ๊) ปานฉิม กล่าว

ข่าวโดย ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.นครปฐม

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ