พนักงานเกือบ 4,000 คน ต้องตกงานเพราะ AI เผยอาชีพที่กระทบหนักสุด

พนักงานเกือบ 4,000 คน ต้องตกงานเพราะ AI เผยอาชีพที่กระทบหนักสุด

วันที่ 4 มิถุนายน 66 ในเฟซบุ๊ดเพจ Spotlight ได้มีการรายงานว่า กระแส Digital Disruption ในตลาดงานครั้งใหญ่อาจเริ่มอีกรอบแล้ว หลังบริษัทช่วยหางานของสหรัฐฯ ออกมาให้ข้อมูลว่าในเดือนพฤษภาคม มีพนักงานสหรัฐฯ ถึง 3,900 คนถูกเลย์ออฟจากงานเพราะถูกบริษัทนำ AI เข้ามาใช้แทนที่ โดยงานที่กระทบมากที่สุดคืองานเลขาฯ และงานนักเขียน และนักข่าว ซึ่งถูก ChatGPT เข้ามาทำงานแทน

ข้อมูลนี้มาจากรายงานของ Challenger, Gray Christmas บริษัทช่วยหางานของสหรัฐฯ ที่ปล่อยออกมาเมื่อวันพฤหัสบดี (1 พ.ค.) ที่ผ่านมา โดยข้อมูลในรายงานระบุว่าในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีพนักงาน 80,000 คน ถูกเลย์ออฟในสหรัฐฯ มากขึ้น 20% จากเดือนก่อนหน้า และ 3,900 คน หรือประมาณ 5% จากในนั้นถูกเลิกจ้างเพราะบริษัทได้นำ AI เข้ามาช่วยงานแทน

นี่เป็นครั้งแรกที่ Challenger, Gray Christmas ระบุเหตุผลนี้ไว้ในรายงานประจำเดือนของบริษัท สะท้อนว่า AI ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดงานของสหรัฐฯ แล้ว เป็นเวลาไม่กี่เดือนหลังจาก ChatGPT ถูกปล่อยออกมาให้คนทั่วไปใช้ในปลายปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่ารวดเร็วมาก

โดยงานที่ได้รับผลกระทบก็มีงานในหลากหลายสายอาชีพ โดยเฉพาะงานเลขานุการ งานเสมียนดำเนินการเรื่องเอกสารต่างๆ และงาน ‘นักเขียน’ ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเขียนบทความ คอนเทนต์ หรือเขียนข่าว ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากการเข้ามาของ ChatGPT ซึ่งมีความสามารถในการเขียนตามคำสั่งของผู้ใช้ได้

จากการรายงานของสำนักข่าว CBS News ที่ผ่านมาได้มีสำนักข่าวหลายสำนักได้เลิกจ้างพนักงานแล้วนำ AI เข้ามาทำงานแทน ไม่ว่าจะเป็น The Washington Post ที่ได้เลิกจ้างนักเขียนคำโฆษณา 2 คนเพราะเห็นว่า ChatGPT สามารถทำงานได้ดี และผลิตงานได้ในราคาถูกกว่า และสำนักข่าว CNET ที่เพิ่งเลย์ออฟนักข่าวแล้วนำ AI มาเขียนข่าวแทน ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องการลอกเลียนแบบข่าวสำนักอื่นๆ จนต้องส่งคนจริงๆ เข้าไปแก้ไข

นอกจากนี้ ยังมีสายด่วนที่ให้บริการเรื่องโรคการกินผิดปกติ (Eating Disorders) ที่เริ่มนำ AI เข้ามาตอบคำถามแทนคนจริงๆ ถึงแม้ภายหลังจะต้องยกเลิกไปก่อนเพราะตัว AI ให้คำตอบที่เป็นอันตรายต่อผู้เข้ามาขอคำปรึกษา

ทั้งนี้ ถึงแม้จากข่าวที่ออกมา การนำ AI มาใช้ทำงานแทนคนจริงๆ นั้นอาจจะยังดูไม่เข้ารูปเข้ารอยนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถพัฒนาตัวเองได้รวดเร็วมาก จนในอนาคตก็อาจจะมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับมนุษย์เข้าได้จริงๆ

จากการวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence อุตสาหกรรม AI จะเติบโตขึ้นไปมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากความสำเร็จของ AI หลายตัวโดยเฉพาะ ChatGPT

นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ในอนาคต AI น่าจะเข้ามาแทนที่งานมนุษย์ถึง 300 ตำแหน่งงานด้วยกัน ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1 ใน 5 ของตำแหน่งงานทั้งหมดทั่วโลก โดยเฉพาะงานด้านการจัดการเอกสารเช่น งานเลขานุการ รวมไปถึงงานผู้ช่วยทนายความ หรืองานด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเอกสารอื่นๆ

โดยนอกจากงานด้านเอกสารแล้ว งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ก็อาจไม่รอดเช่นเดียวกัน เพราะในเดือนพฤษภาคม กลุ่มนักเขียนคอนเทนต์บันเทิงของฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ ก็ได้ออกมาประท้วงหยุดงานเพื่อเรียกร้องค่าแรงและสวัสดิภาพที่ดีขึ้น รวมไปถึงเรียกร้องให้มีการแบนการใช้ AI ในการเขียนคอนเทนต์บันเทิงอย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกัน หลังมีกระแสออกมาตลอดว่าในอนาคตผู้สร้างอาจใช้ AI เป็นผู้เขียนเรื่องแทน เพราะเร็ว และมีต้นทุนต่ำกว่าการจ้างมนุษย์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ