แอนนา สารภาพ ซัดยา 100 เม็ด ทำร้ายตัวเอง เมื่อเดือนก่อน

แอนนา สารภาพ ซัดยา 100 เม็ด ทำร้ายตัวเอง เมื่อเดือนก่อน

หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีสำหรับ แอนนา มีชื่อจริงว่า วรินทร วัตรสังข์ หรือที่ทุกคนคุ้นชินกับการเรียกว่า แอนนา ทีวีพูล แม้เจ้าตัวจะไม่ได้เป็นพนักงานของสังกัดเดิมมานานกว่า 10 ปีแล้ว ล่าสุด ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรก กับเรื่องราวที่ไม่มีใครรู้มาก่อน ต้องบอกเลยว่าเป็นอุทาหรณ์ได้ดีเลยทีเดียว

เคยคิดสั้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา เหตุหยุดย าซึมเศร้าเอง

แอนนา มีเรื่องนึงที่หลายคนไม่ทราบ เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เราเพิ่งจะคิดสั้น จากภาวะการติดสิ่งเสพติด เราเป็นคนติดย าจิตเวช แล้วเราเลิกเอง ไม่กินย า เราเข้าใจว่าไม่ได้เป็นแล้ว และเราก็รู้สึกว่าไม่เป็นก็ไม่ต้องกิน เวลาน้องๆ เอายามาให้ก็กินบ้าง ไม่กินบ้าง และใช้วิธีการฉีดตัวอื่นที่เป็นย าเสพติด ฉีดเข้าเส้นเลย มันเป็นย าแก้ปวด ก็ไปตามคลินิกต่างๆ ว่าเราปวดนั่นปวดนี่ แต่จริงๆ เราไม่ได้ปวด แต่เราไม่รู้ว่าเราติดยา เสพติด มันเป็นย าเสพติดอย่างนึงแล้ว จากที่เราทำงานได้ปกติ ตั้งแต่เดือนก.พ.เป็นต้นมา เราทำงานไม่ได้ ไม่มีฟีลลิ่งในการทำงาน ไม่เคยรู้ว่าชีวิตจะพลาดขนาดนี้

จนสุดท้ายมี.ค.เริ่มดาวน์ เม.ย.อยู่ไม่ได้แล้ว เรียกว่าทำร้ายตัวเองเลยดีกว่า โดยไม่รู้ตัว ให้น้องไปซื้อพาราฯ มา บอกให้ทุกคนในบ้านกลับบ้านหมดเลย รู้สึกว่าเบื่อหน่ายโลก ไม่มีความสุข ไปซื้อพารามาฯ 30 เม็ด มีของเดิมอยู่ประมาณ 25 เม็ด ยานอนหลับอีก รวมๆ กินไปเกือบ 100 เม็ดนะ ปรากฎว่ายังอยู่เหมือนเดิม ไม่เป็นอะไร (หัวเราะ) พูดง่ายๆ ว่าเราเข้าสู่วังวนการติดยาแก้ปวดโดยไม่รู้ตัว เราก็จะไปบอกหมอว่าเราปวดนั่นนี่เพื่อให้ฉีดยา พอฉีดก็จะเคลิบเคลิ้ม แต่เราไม่รู้ว่ามันคือยาเสพติด เพราะเราถามคนอื่นก็บอกว่าไม่ใช่ยาเสพติด แต่มันคือการติดยาแก้ปวด ก็มีภาวะจิตตก ดิ่ง ดาวน์

บอกตอนนี้ต้องเพิ่มยาจิตเวช แต่ก็กลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้ว จนกลายเป็นว่าวันที่ 28 เม.ย.เราก็คิดสั้น แรงสุดก็คือกรีดที่แขน ตอนนั้นไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แต่รู้สึกแค่ว่าอยู่ไม่ได้ มันลนลาน จากนั้นงานอะไรเราก็ทำไม่ได้เลย เพิ่งมาดีเมื่อประมาณวันที่ 29-30 พอหายเราก็ไปวัดเลย

แม่พาไป เขาก็งงว่าเป็นอะไร ทำไมถึงได้เป็นหนักขนาดนั้น ก็ลองเลิกฉีดยาแก้ปวดตัวนั้นดูก็หาย แล้วก็ไปหาหมอจิตเวช หมอก็บอกว่าไม่ควรทำแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเราเป็นซึมเศร้า การที่เราหยุดยาเองเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เราเลือกไปใช้ยากลุ่มแก้ปวด มันก็เป็นยาอันตรายหนักกว่าเดิม ทำให้เราขาดภาวะการรู้ตัว และขาดสติ พอกลับมาเจอหมอจิตเวช ก็เพิ่มปริมาณยา แต่ตอนนี้ก็กลับมาสดใส ทำงานได้แล้ว พอมองย้อนกลับไปสิ่งที่ทำให้เราไม่อยากอยู่ในโลกนี้ คือความประมาท เราคิดว่าไม่เป็นไรหรอกแค่ยาแก้ปวด ฉีดๆ ไป

ทุกคนมีปัญหาในชีวิตหมด แต่ปัญหานั้นจะเล็กหรือใหญ่มันขึ้นอยู่กับจิตใจเราจะรับได้แค่ไหน ซึ่งตอนนั้นเราใช้ยาอยู่ประมาณ 2 เดือน เริ่มจากความไม่รู้ เห็นคนอื่นฉีดเราก็ฉีดบ้าง นอนแล้วหลับสบายใช่ไหม ดีจังเลย เราจะได้เลิกยาจิตเวช ที่ไหนได้กลายเป็นเราไปติดยาแก้ปวด ซึ่งยานี้มันเหมาะกับคนที่ผ่าตัดศัลยกรรม มันบรรเทาอาการเจ็บปวดและมีความเบลอ แต่ที่เบื่อโลกเนี่ย ต้องบอกว่าเราวางแผนธุรกิจผิดพลาด ก็เลยรู้สึกว่าดิ่ง ช่วงภาวะที่คิดสั้นมันไม่ใช่ช่วงที่ร้องไห้และเสียใจ แต่เป็นเหมือนคนบ้า โรคจิต อยู่ดีๆ ก็คิดว่าไม่อยากอยู่แล้วแค่นั้นเอง ตอนที่กรีดแขนก็ไม่รู้ตัวเอง ขับรถไปข้างนอกด้วย

พุดเดิ้ล : วันนั้นพุดเดิ้ลไปหานางที่โรงแรม เพราะทุกคนติดต่อไม่ได้ โทรศัพท์ก็ปิด แต่ GPS ของนางยังขึ้นที่คอมพิวเตอร์ เราก็เลยเสิร์จดูก็เห็นว่านางไปโรงแรมนี้

แอนนา : อาการวันนั้นก็ไม่ได้ร้องไห้อะไรเลย เป็นปกติสดใสร่าเริง ซึ่งเราเพิ่งรู้ว่าเราเป็นโรคจิตเวชขั้นหนัก ขั้นที่ไม่รู้ตัว มันดิ่ง ตอนนี้ก็กินยาวันละ 8 เม็ด จากที่เดิมลดลงไปเหลือ 3-4 เม็ด ก็ต้องกลับมากินใหม่เป็น 7-8 เม็ด คุณหมอก็บอกว่าถ้าหยุดยาเอง มันจะมีอาการนั้นขึ้นมาอีก แต่พอวันนี้เรารอดจากการคิดสั้นมาแล้ว ตอนนี้ไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัวเลย เพราะเรากลับไปรับยาเหมือนเดิม พอกลับมากินยาภายใน 3 วันมันเปลี่ยนเลย จากที่คิดว่าปัญหาทุกอย่างเราจัดการได้ตลอด แต่กลายเป็นคิดว่าปัญหานั้นมันใหญ่ เราจัดการไม่ได้ มองว่าคนรอบตัวไม่รัก คิดฟุ้งซ่าน อีกนิดนึงติดคำว่าบ้าแล้วนะ คิดว่าชีวิตเราใช้ชีวิตมาช้ำมาก นาทีสุดท้ายที่คิดว่าตัวเองรอดคือสายคล้องเสื้อคลุมของโรงแรมน่ะ จะเอาไปผูกตรงคอ แล้วที่แขนก็ไหลอยู่ ไหลเยอะด้วย ที่รอดมาได้ก็คิดว่าเราโชคดีนะ ก็ตกใจ พอหล่นลงมาจากที่ผูก เพราะเชือกมันคงรับน้ำหนักไม่ไหว เพราะเราก็ตัวใหญ่พอสมควรก็เลยหล่นลงมา

พุดเดิ้ล : พอไปเห็นสภาพนั้นตกใจมาก เพราะตอนนั้นแอนนาไม่รู้ตัว พอเข้าไปในห้องแอนนาไม่ได้เสียบคีร์การ์ดไว้ด้วย ห้องก็มืด ไม่มีอากาศหายใจเลย แต่เขาใส่เสื้อคลุมโรงแรมนอนอยู่ ไม่มีอาการเจ็บปวดเลย แล้วแอนนาก็ถ่ายรูปแผลตัวเองไว้ในโทรศัพท์ พุดเดิ้ลก็เปิดดู เราก็งง เพราะมันเป็นแผลไขมันปลิ้นออกมาตรงแขนเยอะมาก พอเปิดแผลดูนางก็ไม่บอก นางบอกว่าล้ม แล้วก็บอกว่าหิวข้าว พาไปกินข้าวหน่อย เราก็บอกว่าเดี๋ยวจะพาไปหาหมอก่อน ไปเย็บแผล คุณหมอก็บอกว่าคนไข้มีภาวะอะไรหรือเปล่า เพราะเป็นรอยทำร้ายตัวเองมา ตอนนั้นแอนนาก็ยังไม่ได้บอกนะว่าเรากำลังจะคิดสิ้น พอเย็บแผลเสร็จกลับบ้าน วันรุ่งขึ้นนางถึงสารภาพ

แอนนา : ก็เลยกลับไปหาหมอจิตเวช เล่าให้หมอฟังหมดเลยว่าฉีดยาตัวนี้ เราชอบมาก รู้สึกสบาย หมอบอกว่านั่นแหละคุณติดย าเสพติด และคุณก็ลดย าจิตเวชเองโดยที่ไม่ได้เข้ามาหาหมอเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิด วันนั้นที่กินยาไปเกือบ 100 เป็นยาเกี่ยวกับสมองทั้งหมด ไม่แปลกเลยที่เราจะจำอะไรไม่ได้ แต่มารู้สึกเจ็บคอก็เพราะผูกนี่แหละ คนในบ้านก็ร้องไห้กันใหญ่ว่าเราทำแบบนั้นทำไม ซึ่งเราก็บอกคนในบ้านว่าเราไม่ได้เศร้าเลยนะ แต่เราไม่รู้ตัว ตอนที่เรารับยาหมอจิตเวชเราไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย เคยทำก่อนที่เราจะรับยาเมื่อ 5 ปีก่อน เพราะเราเป็นซึมเศร้า แต่ก็ไม่ได้เอามาเป็นคอนเทนต์ เพราะมันเป็นเรื่องชีวิตคน ดังนั้นถ้าคนที่ดูอยู่อยากบอกไว้เลย ถ้าคุณคิดว่าไม่อยากอยู่บนโลกนี้นั่นคือคุณเป็นโรคจิตเวช ไปหาหมอกินยาเลย หายค่ะ และใช้ธรรมะช่วยนิดหน่อย

พุดเดิ้ล : ก็ต้องดูแลมากค่ะ เพราะแอนนาเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่คนเดียว ก็จะบอกให้น้องๆ มาอยู่ด้วย คอยเอนเตอร์เทนนาง เพราะนางชอบให้คนอยู่ด้วยเยอะๆ ไม่อยากให้อยู่ห่างกัน ถ้าอยู่คนเดียวนางก็จะคิดว่าทุกคนไม่รักนาง

แอนนา : จะชอบคิดว่าฉันอยู่คนเดียวบนโลก ผัวก็ไม่รัก ผัวก็ไม่มี มีเพื่อนก็เหมือนไม่มี คิดไปเอง ทั้งๆ ที่ความจริงคนมาหาที่บ้านวันนึงเป็นสิบคนเลย

พุดเดิ้ล : แต่นางชอบคิดเองว่าฉันอยู่คนเดียวแน่เลย แต่นางคิดว่านางอยู่คนเดียวตลอด เพื่อนๆ ก็จะแวะเวียนมา ตอนโม อมีนารู้ก็ตกใจ ขับรถมาหาเลย

แอนนา : ที่ออกมาเล่าก็เพราะว่ามันผ่านมาแล้ว และเราผ่านมาได้ด้วยดี เพราะจิตใจเราตอนนี้เข้มแข็งแล้ว และกลับมาทำงานได้ทุกอย่าง รับงานเยอะกว่าเดิมด้วย เพราะเราไม่ได้ทำงานมาเกือบ 3 เดือน ก็ทำงานชดเชยที่หายไปค่ะ ตอนนี้งานเยอะมากค่ะ

คลิป

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ