หนุ่มรู้จักสาวผ่านแอพดัง ก่อนตัดสินใจ แต่งงานอยู่กินกับภรรยาได้ 7 วัน สุดท้ายเหมือนฟ้าฝ่ากลางใจ

หนุ่มรู้จักสาวผ่านแอพดัง ก่อนตัดสินใจ แต่งงานอยู่กินกับภรรยาได้ 7 วัน สุดท้ายเหมือนฟ้าฝ่ากลางใจ

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2566 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ไดโพสต์ข้อความว่า อยากจะเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นปียันตอนนี้ ผมได้คบกับผู้หญิงคนหนึ่งได้ตกลงคบกัน จะมีอยู่วันหนึ่งได้ตกลงแต่งงาน พอแต่งงานได้ได้ 7 วันเท่านั้น นางได้ขาดการติดต่อมาสักพักหนึ่ง พอติดต่อได้คือบอกอยู่ไปไม่มีความสุขสุดท้าย #ผมโดนเทหรอวะเนี่ย

คือ ยังไง จนผมได้ไปเคลียร์ ที่ทำงานเขา ผมก็ได้คำเดิมกลับมาคือเลิก ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ ส่วนท่านใดอยากแสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ ผมอยากเห็นความคิดหลาย ๆ คนว่าเหตุการณ์นี้ ควรทำอะไรพร้อมกับรูปภาพแต่งงานกับหญิงสาวรายดังกล่าว ต่อมา สำนักข่าวดัง ก็ได้ลงพื้นที่ไปยังค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี พบกับ สิบโทสุธา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี เป็นทหารยศนายสิบโทที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ โดยนายสุธาได้เอารูปงานแต่งและรูปบรรยากาศต่าง ๆ ภายในงานมาเปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมการ์ดงานแต่งที่ระบุว่า สิบโทสุธา (ขอสงวนนามสกุล) สมรสกับ นางสาวศศิวิมล (ขอสงวนนามสกุล) เมื่อวันเสาร์ที่ 29 เม.ย.2566 โดยจัดที่บ้านของฝ่ายหญิงในอ.เมือง จ.บุรีรัมย์

จากการสอบถาม สิบโทสุธา บอกว่า รู้จักกับฝ่ายหญิงผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่ โดยมีการแชทหาและขอเบอร์โทรคุยกัน จากนั้นได้มีการนัดและตัวเองก็ได้ไปเล่นที่บ้านของฝ่ายหญิง แต่พอนอนค้างคืนเช้ามาทางญาติของฝ่ายหญิงบอกว่า ให้เอาผู้ใหญ่มาคุยเพราะตัวเองทำผิดประเพณีของทางบ้านเขา ตนจึงโทรหาพ่อเพื่อมาคุยและทำการหมั้นหมายกันไว้ สิบโทสุธา กล่าวต่อว่า โดยแม่ของฝ่ายหญิงบอกว่าเรียกค่าสินสอดเป็นเงิน 2 แสน ทอง 2 บาท ซึ่งได้คุยและตกลงกันไว้เมื่อเดือน ก.พ.2566 แต่พอผ่านมาประมาณ 15 วัน แม่ฝ่ายหญิงร้องขอมาแต่งก่อนได้หรือไม่ โดยเรียกค่าดอง 1 แสน ทอง 1 บาทแทน ตัวเองก็เอะใจว่าทำไมเร่งรัดขนาดนี้เหมือนจะขายลูกกินเลย

สิบโทสุธา ยังบอกอีกว่า หลังจากนั้นก็โทรมาเอาเงินเพื่อไปซื้อทองและเตรียมจัดงาน ตัวเองก็รีบโอนให้ พอถึงวันที่แห่ขบวนขันหมากไปบ้านเจ้าสาว ก็แปลกใจว่าจัดงานแต่งทำไมไม่มีญาติหรือคนในหมู่บ้านมาร่วมงานเลย มีแต่คนที่สนิทและเป็นญาติอย่างเดียว งานพิธีทุกอย่างจะทำเร็วมาก รวมทั้งนับเงินสินสอด

ขนาดช่างภาพที่ตัวเองเตรียมมาทำงานก็ยังถ่ายภาพไม่ทัน และคนในงานรวมทั้งญาติ ๆ ของตัวเองก็ยังสงสัยและคิดว่าผิดปกติมากในงานแต่งของตัวเอง สิบโทสุธา บอกว่า แต่หลังจากที่ตัวเองได้แต่งงานเสร็จแล้วอยู่กินกันประมาณ 6 วัน ฝ่ายหญิงเริ่มเงียบ จากนั้นกลับไปทำงาน ก็ได้ตามไปถึงที่ทำงานที่เขาทำ เป็นผู้ช่วยพยาบาลของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พยายามถามและพูดคุยถึงสาเหตุ แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมพูดด้วย เอาแต่เงียบแล้วเดินหนี

สิบโทสุธา จึงโพสต์ข้อความสอบถาม รวมทั้งพ่อกับแม่และพี่น้องของตัวเอง ก็บอกว่าถูกหลอกเอาเงินค่าสินสอดแน่นอน จากนี้จะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวง และจะฟ้องเงินที่ได้เสียไปกับการจัดงาน และเงินค่าดอง รวม ๆ กว่า 180,000 บาท และเงินส่วนนี้ได้ไปกู้มากับพ่อเพื่อเอามาแต่งงานและหวังจะสร้างอนาคตแต่กลับมาถูกหลอกแบบนี้ ก็รู้สึกเสียใจมาก ถามว่ารักไหมก็รัก แต่เจอแบบนี้รักแค่ไหนก็ขอตัดใจดีกว่า

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ