สาวสุดช้ำ งานหมั้น ล้มต่อหน้าต่อตา ผู้ใหญ่ฝ่ายชายบอก ไม่มีสินสอด ลุกหนีกลางพิธี

สาวสุดช้ำ งานหมั้น ล้มต่อหน้าต่อตา ผู้ใหญ่ฝ่ายชายบอก ไม่มีสินสอด ลุกหนีกลางพิธี

วันที่ 29 พ.ค.2566 น.ส.แก้ม (นามสมมติ) เปิดใจกับ สื่อสำนักดัง ทั้งน้ำตา หลังงานหมั้นของตนเองและแฟนหนุ่มพังไม่เป็นท่า เพราะผู้ใหญ่ของฝ่ายชายไม่มีสินสอดมาให้ ทั้งที่ตกลงกันไว้แล้ว ก่อนจะลุกหนีกลางงาน

น.ส.แก้ม กล่าวว่า ตนคบหากับฝ่ายชายมาเกือบ 3 ปีแล้ว ระยะเวลาที่คบกันฝ่ายชายมาอยู่ที่บ้านของตนตลอด เพราะฝ่ายชายขอครอบครัวว่า ระหว่างรอเข้าเกณฑ์ทหารอยากจะมาอยู่ดูแลตน เนื่องจากตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต่อมาครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็รับรู้ดีและเคยเจอกันมาแล้ว ทางครอบครัวตนจึงอยากให้ครอบครัวอีกฝ่ายมาพูดคุยกันตามประเพณี หมั้นหมายกันเอาไว้ก่อนก็ได้

น.ส.แก้ม กล่าวต่อว่า ซึ่งฝ่ายชายก็ยินดี ไม่มีปฏิเสธอะไรเลย บอกเพียงว่า ถ้าเป็นงานแต่งอยากจะออกไปช่วยหาเงินด้วยกัน ซึ่งตนก็คิดเห็นแบบเดียวกัน ต่อมาฝ่ายชายให้ตนโทรไปพูดคุยกับครอบครัวเขาว่าจะเรียกสินสอดเท่าไหร่อย่างไร ซึ่งตนพยายามติดต่อกับผู้ใหญ่ของฝ่ายชายมาหลายครั้ง แต่ก็มีการบ่ายเบี่ยงตลอด

น.ส.แก้ม กล่าวอีกว่า จนรอบสุดท้าย ตนตัดสินใจอัดเสียงเอาไว้เพราะกังวลใจมาก ตนได้คุยกับคุณยายของฝ่ายชายเขาเป็นคนเสนอมาว่าจะให้เงินสด 100,000 บาท ตนจึงนำมาปรึกษาครอบครัว ก็เลยขอเป็นสร้อยทอง และแหวน หนักเท่าไหร่ก็ได้ และตนก็จะซื้อแหวนให้กับฝ่ายชายด้วยเช่นเดียวกัน

น.ส.แก้ม กล่าวว่า ซึ่งทางครอบครัวฝ่ายชายก็ตกลงว่าจะซื้อให้ 2 สลึง และได้กำหนดฤกษ์ในการหมั้นหมาย คือ วันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ก่อนจะถึงวันหมั้น 4 วันก่อนหน้านี้ ครอบครัวของฝ่ายชายได้โทรมาบอกว่า มีเงินเยอะแล้ว ทำให้เงินไม่พอซื้อทอง พร้อมกับบอกว่าฝ่ายตนไม่จำเป็นต้องซื้อทองให้ฝ่ายชายก็ได้ ตนก็ไม่ว่าอะไร

น.ส.แก้ม กล่าวด้วยว่า จนกระทั่งมาถึงวันงาน เราเห็นมีเพียงแค่สร้อยทองเท่านั้น แต่ไม่มีเงินสดเลย ครอบครัวของเราจึงสอบถาม แต่ได้คำตอบว่า ผู้ใหญ่ของครอบครัวฝ่ายชายเข้าใจผิดคิดว่าเงินจำนวน 100,000 บาทต้องเอามาให้ในวันแต่งงาน ซึ่งเราก็ได้มีการชี้แจงไปว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ทางผู้ใหญ่ของฝ่ายชายยืนยันว่าเข้าใจผิดมาตลอด

เราจึงได้ตัดสินใจเปิดคลิปเสียงที่คุยกันไว้ให้ฟังว่าครอบครัวของฝ่ายชายเป็นคนเสนอมาเองว่าจะให้สินสอด 100,000 บาท เราอยากให้งานหมั้นดำเนินไปได้ด้วยดี จึงสอบถามต่อว่ามีใคร สามารถนำเงินมาวางก่อนได้บ้าง แต่ทุกคนก็ปฏิเสธหมดเลย ก่อนที่จะทยอยลุกออกจากงานหมั้นไป ขณะที่แฟนหนุ่มของเราก็ไม่พูดอะไรเลยนอกจากคำว่า ไม่รู้ น.ส.แก้ม กล่าว

น.ส.แก้ม กล่าวว่า ครอบครัวและญาติพี่น้องของตนเสียความรู้สึกมาก เพราะไม่ได้ตั้งใจจะเรียกร้องค่าสินสอดแพง เพราะให้อีกฝ่ายเป็นคนเสนอมา ในส่วนครอบครัวเราก็ตั้งใจจัดงานนี้ออกมาให้ดีที่สุด เสียค่าอาหารค่าเครื่องดื่มให้กับแขกในงานไปหมื่นกว่าบาท โดยที่ฝ่ายชายไม่ได้ช่วยออกอะไรเลย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จึงพยายามสอบถามว่าจะช่วยกันรับผิดชอบอย่างไร

น.ส.แก้ม กล่าวต่อว่า ครอบครัวของฝ่ายชายก็บ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับโทรศัพท์ แต่ส่งข้อความมาขอโทษแล้วอ้างว่าเข้าใจผิดมาตลอด ตนจึงได้ไปคุยกับแฟนหนุ่ม เขาก็มาโทษเราว่า “เป็นเพราะเราทำให้งานหมั้นต้องพัง เราไม่ยอมรับสินสอดจากเขา” ตอนที่สุดท้ายจะมายอมรับว่า “หาเงินไม่ทัน ทำให้งานหมั้นล่ม”

น.ส.แก้ม กล่าวอีกว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนจึงได้เลิกรากับแฟนหนุ่มแล้ว เพราะเสียความรู้สึกมากที่เขาไม่อยู่เคียงข้างเราเลย ก่อนที่ตนจะได้ปรึกษากับทนายความว่าจะต้องทำอย่างไรได้บ้าง เนื่องจากครอบครัวได้เสียเงินไปจำนวนหลักหมื่น ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการพูดคุยกันว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการมาหลอกเอาเงินจากฝ่ายชายเลย เพราะเราให้เขาเสนอจำนวนเงินที่เขาพอใจตลอด แต่เป็นอีกฝ่ายที่ไม่รับผิดชอบเลย

น.ส.แก้ม กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ตนกลัวว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะครอบครัวของฝ่ายชายทำงานในแวดวงของกลุ่มคนมีสี ในขณะที่ตนเป็นเพียงพนักงาน อบต. เท่านั้น อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงฝ่ายชายและครอบครัวว่า อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีก พร้อมฝากถึงผู้หญิงทุกคนว่า หากจะแต่งงานหรือคบหากับใครสักคน ก็ขอให้ดูครอบครัวของเขาด้วย

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ