นายแพทย์ชื่อดัง วิเคราะห์อาการ เอส กันตพงศ์ สาเหตุใกล้ตัวกว่าที่คิด

นายแพทย์ชื่อดัง วิเคราะห์อาการ เอส กันตพงศ์ สาเหตุใกล้ตัวกว่าที่คิด

กรณีพระเอกชื่อดัง เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ วูบหมดสติกลางงานอีเวนต์ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด และยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาการยังวิกฤติ โดยมี “คริสติน่า วิงเคลอร์” ภรรยาและลูกสาวตลอดจนครอบครัวคอยเคียงข้าง ซึ่ง คริสติน่า วิงเคลอร์ ภรรยา ได้ออกมาระบุเบื้องต้นว่าทางแพทย์ที่รักษาได้ออกมายืนยันแล้วว่า เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ มีอาการหัวใจอักเสบ แต่ยังไม่สามารถระบุอะไรได้มากกว่านี้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ธนีย์ ธนียวัน อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด วิกฤติบำบัด และการปลูกถ่ายปอด ซึ่งทำงานอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา วิเคราะห์อาการ เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ ผ่านช่อง Doctor Tany ที่มีผู้ติดตามกว่า 4 แสนคน ได้ออกมาเผยแพร่คลิป วิเคราะห์กรณีของเอส กันตพงศ์ เกิดอะไรขึ้น จะฟื้นได้แค่ไหน โดยบางช่วงบางตอนระบุว่า คนที่ไม่มีอาการอะไรมาก่อน อายุ 36 แล้วจู่ ๆ หัวใจเต้นผิดปกติ ที่วูบหมดสติ หมอคิดว่าต้องเป็นการเต้นผิดปกติของหัวใจ น่าจะเป็นหัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดปกติ ทำให้เลือดไม่สามารถบีบออกไปได้ เลือดค้างหัวใจ ไม่สามารถไปเลี้ยงอวัยวะอื่น ๆ ได้ โดยเฉพาะสมอง จึงเกิดอาการหมดสติขึ้น ในการช่วยเหลือชีวิต นอกจากการปั๊มหัวใจ เพื่อให้มีเลือดไปเลี้ยงสมองได้ จะต้องมีการช็อกไฟฟ้า เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นด้วยจังหวะปกติ

ส่วนสาเหตุเกิดได้ด้วยหลายสาเหตุ มีทั้งที่เป็นมาแต่กำเนิดแต่ไม่รู้ตัว และยังมีสาเหตุอื่นอีก ซึ่งที่เจอบ่อยสุดเกิดจากไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ และไวรัสอื่นๆ แต่ถ้าเกิดจากไวรัส จะมีอาการนำมาก่อน แต่คนอาจไม่รู้ตัว เช่น รู้สึกเพลีย ๆ เจ็บแน่นหน้าอก แต่เป็นไม่มาก บางคนอาจคิดว่าเพราะทำงานเหนื่อยเกินไป บางคนอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นกรดไหลย้อน

คนสงสัยว่าเกิดจากวัคซีนโควิดหรือเปล่า คือวัคซีนโควิดที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้ แต่ไม่ได้เกิดหลังฉีดวัคซีนนานขนาดนี้ หมอไม่แน่ใจว่าคุณเอสฉีดวัคซีนไปเมื่อไร แต่เท่าที่ได้ยินข่าวน่าจะฉีดไปนานมากๆ แล้ว เรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จะเกิดขึ้นได้หลังฉีดวัคซีนไม่เกิน 6 สัปดาห์ และเท่าที่มีรายงานชัดเจน ไม่มีเคสไหนที่อาการหนักถึงขั้นเสียชีวิต จึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเกี่ยว

เมื่อมาถึงหมอ ระหว่างทางจะต้องมีการปั๊มหัวใจ ซึ่งทำให้มีการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหัวใจได้ และหัวใจจะมีการปล่อยเอนไซม์ออกมาจากหัวใจ ซึ่งบางครั้งเราใช้บอกว่าหัวใจมีปัญหา มีการอักเสบ แต่มันไม่สามารถบอกได้ว่าเอนไซม์ออกมาเพราะเราปั๊มหัวใจ หรือมันมีอาการอักเสบอยู่ตั้งแต่แรก ซึ่งส่วนตัวหมอไม่มีข้อมูล จึงไม่สามารถบอกได้ว่าอักเสบจริงหรือไม่ ถ้าจริงอาจจะมีไวรัสเข้าไปติดในหัวใจก่อน อย่างโควิดไวรัสก็ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้มากกว่าตัววัคซีนอีก ถ้ามันอักเสบก็อาจมีค่าการอักเสบในเลือดสูงขึ้น ก็จะตรวจค่าต่าง ๆ ที่พอบอกได้ว่ามีการอักเสบของหัวใจ และทั่วร่างกาย ซึ่งก็ต้องใช้ร่วมกับเอนไซม์ที่ออกมาจากหัวใจในการบอก แต่เอนไซม์ก็อาจจะออกมาจากการปั๊มได้ จึงไม่สามารถวิเคราะห์ได้มากไปกว่านี้ เนื่องจากไม่มีข้อมูล

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ