นักร้องดัง เล่านาทีหัวใจหยุดเต้น เชื่อปาฏิหาริย์มีจริง ถึงรอดมาได้

นักร้องดัง เล่านาทีหัวใจหยุดเต้น เชื่อปาฏิหาริย์มีจริง ถึงรอดมาได้

คนเรากว่าจะผ่านเรื่องราวหนักสุดในชีวิตได้ ก็เรียกว่าหนักหนาเอาการ อย่างนักร้องสาวลูกทุ่ง หญิงลี ศรีจุมพล ที่เจอมรสุมมาตลอดกว่าจะมีทุกวันนี้ได้ ล่าสุด หญิงลีขอควง คุณแม่บุญล้อม มาเปิดใจในรายการโต๊ะหนูแหม่มถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา พร้อมเล่านาทีหัวใจวาย เกือบช็อกเสียชีวิต

หญิงลี เผยว่า "เรื่องแม่ผลักดันให้เป็นนักร้องคือ เราเป็นคนชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก แม่ก็จะชอบให้ไปประกวดร้องเพลง ได้รางวัล หรือไม่ได้รางวัลก็ไม่เป็นไร แต่เงินรางวัลหลักร้อยของเด็กน้อยที่บ้านจะค่อนข้างเยอะ เราก็เริ่มจะเห็นช่องทาง เพราะเราเป็นคนเรียนหนังสือไม่เก่ง พ่อแม่ก็ไม่มีเงินให้ไปโรงเรียน ตั้งใจว่าจะไปเป็นสาวโรงงานเหมือนคนในครอบครัว ซึ่งเราก็อยากจะร้องเพลงด้วยเพื่อที่จะไปเป็นรายได้เสริมและรายได้หลัก ในส่วนของการไปเรียนหมอลำซิ่ง คนรอบข้างไม่เห็นด้วย เค้าก้อพูดว่าการเป็นหมอลำจะไปเป็นอะไรได้นักหนา มึงก็ต้องไปกินนอนข้างถนน เขาก็พูดประมาณนี้ ซึ่งแม่ก็ไม่ได้ว่า เขาพูดยังไงก็เป็นอย่างนั้น เราก็อดทนเอา

ถ้าเป็นศิลปินหรือจะเป็นอะไรเขาพูดไม่ดีก็ช่างเขาไม่เป็นไร ในมุมของเรา เราก็จะมุ่งมั่นว่าเราโฟกัสไปในจุดที่เราฝึกฝนตัวเอง ถ้าในส่วนของคำใดๆ ที่จะบั่นทอนทำให้เรารู้สึกแย่และทำให้หนูรู้สึกหมดกำลังใจก็อย่าไปจำ ถึงไม่ว่าใครคนไหนพูดดีไม่ดีกับเรา เราก็จะทักทายเขาก่อนเสมอ เจอใครแล้วก็จะทักทายก่อนเสมอ ให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีศัตรู วิธีคิดเราก็จะได้ครอบครัว เพราะครอบครัวคือแรงบันดาลใจ ซึ่งพ่อแม่เรามีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีทั้งหมู่บ้าน ญาติของนางจะไปช่วยงานบุญ เราไม่เคยมีศัตรูด่ากัน ทำให้เรารู้สึกว่าต่อจะให้มีคำบั่นทอนที่ใดๆ เราก็จะไม่ถอย เราก็จะต้องโฟกัสให้เก่งขึ้น ซึ่งเราก็จะต้องทำให้มันแข็งแรง ทำมันไปให้ถึงฝันก่อน"

"เรื่องดังมีชื่อเสียง วันนั้นเราก็ยังคิดว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง ก็แค่นักร้องบ้านนอกคนหนึ่ง เป็นเหมือนหนึ่งในล้านคนเราจะดังได้ไง แค่เราได้ออกทีวีครั้งหนึ่งเราก็ดีใจแล้ว ซึ่งเราก็ได้เข้ามาสังกัดค่ายที่ดี มีผู้ใหญ่สนับสนุน มันก็เป็นความท้าทายและความแข็งแกร่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น และสติปัญญามันเหมือนเราเอาเรี่ยวแรงเราเข้าแรก

ก่อนที่จะเข้าวงการมา 25 ปี เราค่อนข้างเจอกับความลำบาก ก่อนหน้านั้นเราเคยฝันสลายไปแล้วกับการออกเพลง แต่เพลงดันผิดศีลธรรม พอกระทรวงวัฒนธรรมออกมาแบนไม่ออกอากาศ และเพลงก็เงียบไป ซึ่งเราก็ไม่ท้อและฝึกฝนต่อไปจนมาสมัครที่ค่ายแกรมมี่ เรื่องกลับบ้านไปหาแม่ มีความคิดตลอดเวลา คือทำใจตลอดเวลาเหมือนเราผิดหวังจากเพลงแรกมาแล้ว และพอจะมาอยู่ในสังกัดมันก็เป็นเรื่องที่ยากเหมือนกัน

ซึ่งเราบอกตัวเองเสมอว่าเราไม่ต้องคาดหวังอาจจะออกอีกก็ได้ อาจจะไม่สมหวังอีกก็ได้ ก็ความอดทนที่ผ่านมาเหมือนนักกีฬาที่เขาจะได้แชมป์โลก เค้าต้องฝึกมาหลายปีจนไม่มีใครรู้จักเขาแล้วเค้าจะโด่งดังในวันที่เขาได้แชมป์โลก ซึ่งเราก็บอกตัวเองแบบนั้นมาเสมอ แล้วก็ต้องบอกตัวเองว่าอย่ามีภาพอะไรที่ไม่ดีไม่งาม พอวันหนึ่งที่ออกสื่อไปมีอะไรที่มีงานมันก็จะมีฟีดแบ็กย้อนหลัง เราก็ต้องรักษาเนื้อรักษาตัว"

"ช่วงที่ป่วยถามว่าแม่รู้ไหมเราป่วยหนัก เราก็รู้อยู่ คือบางอย่างถ้าเราไม่ช่วยพยุงใจกันมันก็ดิ่งสุด ซึ่งวันนั้นเราได้บอกไปว่าเหมือนหัวใจหนูจะวาย มันเหมือนหัวใจหนูจะหยุดเต้น เพราะมันเต้นเร็วเกินไป เราก็เลยบอกน้องว่า เราอาจจะหัวใจวายช็อกเสียชีวิตกลางทางก็ได้ อยากให้รีบมา เราคิดว่าในช่วงเวลานั้นเราหนักสุดในชีวิต เพราะบอกแม่ว่าเราไม่สามารถเสียชีวิตได้จริงๆ ในเวลานั้น อาจจะด้วยการทำบาปกรรมทุกอย่าง แล้วบอกตัวเองเสมอว่าจุดสูงสุดเราก็ผ่านมาแล้ว ถ้ามันจะเป็นเรื่องตกต่ำสุดเราก็ต้องยอมรับมัน เหมือนสวรรค์เค้าขีดเส้นให้เรามาเรียนรู้ชีวิตไว้ ตอนเป็นเด็กยากจนมันเป็นยังไง แล้วพอวันหนึ่งโด่งดังสุดขีดมีเงินทองเข้ามา แล้ววันหนึ่งป่วยหนูก็ต้องยอมรับทุกอย่างทุกเรื่อง หนูจะไม่อาย หรือยอมแพ้"

แม่หญิงลี เผยว่า "เรื่องของลูก รู้ทุกเรื่องค่ะ ลูกจะเป็นยังไงตอนมากรุงเทพฯ แม่ก็เป็นห่วง เพราะว่าไม่มีใครจะไปอยู่ยังไง เค้าก็บอกว่าจะไปรับจ้างกับทางงานทุกร้าน เราก็เป็นห่วงแต่ว่าจะไปอยู่ไปกินยังไง เราก็เป็นห่วงลูก ซึ่งเค้าก็บอกว่าไม่ต้องห่วง เพราะเค้าบอกว่าเค้าทำงานทำมาหากินได้เราก็ภูมิใจ ดีใจมากที่ลูกมีวันนี้ ซึ่งวันแรกที่เค้าออกทีวีเราก็เรียกคนทั้งหมู่บ้านมาดู แม่ก็ร้องไห้ใหญ่เลย ดีใจจนคิดว่าเค้าโกหก แต่พอเห็นภาพเค้าในทีวี วันนั้นก็นั่งร้องไห้ เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ภูมิใจมาก"

ขอบคุณ รายการโต๊ะหนูแหม่ม

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ