วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา โลกออนไลน์มีการส่งต่อข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ได้โพสต์ลงในกลุ่ม พวกเราคือผู้บริโภค ระบุว่า ไม่รู้ว่าโพสแล้วจะมีคนว่าไหม แต่เราสงสัยจริงๆ ว่าเราเสียค่าตั๋วหนังแล้ว เรายังต้องดูโฆษณาอีกเป็นครึ่งชม.เลยเหรอคะ ทำไม ถึงเวลาฉายในบัตร แล้ว ทำไมถึงไม่ฉายหนังเลยคะ? อยากทราบจริงๆค่ะ และเพราะเราอาจไม่ได้เข้าโรงหนังนาน มาอีกทีรู้สึกว่าโฆษณาเยอะมากจริงๆค่ะ

หลังจากที่ได้โพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป ต่างมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก อาทิ แพงค่ะ ประเทศอื่นเค้าดูกันถูกกว่านี้ประเทศที่พัฒนากว่าเราด้วยนะ, เคยถาม เขาบอกว่าถ้าไม่สะดวกใจ ให้รอดูใน Netflix เฮ้ย!!ก็จริง, เป็นรายได้อีกทาง มาเฉลี่ยกับค่าตั๋ว ได้กำไรมากน้อยก็แล้วแต่ไม่ขาดทุนแน่นอน,

ก่อนที่จะมีหนึ่งความคิดเห็นเข้ามาแจงถึงเรื่องดังกล่าวนี้ว่า ไม่ว่าเลยครับ ผมเข้าใจ มันต้องมีคนที่ งง เหมือนกันว่า ทำไมเวลาเข้าโรงหนัง เวลาฉายหนังจริงไม่ตรงตามที่แจ้งในตั๋ว ต้องมีโฆษณาก่อน คืองี้ครับ มันเป็นรายได้ของโรงภาพยนต์เค้าน่ะครับ ค่าตั๋วที่เราจ่าย ลูกค้าบางคนจ่ายถูกมีโปร บางคนจ่ายราคาปกติ แต่ส่วนใหญ่ไปดูหนัง หาโปรทั้งนั้นแหละครับ รวมถึงผม มันเลยทำให้รายรับต่อหนังเรื่องนึงโรงได้ไม่เท่ากันไงครับ คิดในแง่ธุรกิจ เค้ามีค่าใช้จ่ายครับ น้ำ ไฟ ค่าจ้างพนง. ทำโปรต่างๆร่วมกับบัตร ค่ายมือถือ ลิขสิทธิ์เอาหนังมาฉาย ก็เป็นเงินครับ ดังนั้นเค้าก็ต้องหารายได้ทางอื่นจากพวกโฆษณา ตัวอย่างหนังก่อนฉายจริงนี่แหละครับมาสมทบ ไม่งั้นค่าตั๋วเรื่องนั้นก็แพง อาจเกิน 300 แม้ว่าบางโรงจะหรู มีที่นั่งราคาเกิน 500 (พวกที่นั่งคู่ สวีท รึโรง 3D อะไรก็แล้วแต่มาเป็นรายได้ เห็นตามโรงในห้างหรูใน กทม.ค่ายเมเจอร์) ก็ใช่ว่าคนจะเลือกซื้อเบาะที่ราคาแพงเสมอไป สำหรับผมแก้ด้วยการเข้าโรงช้ากว่าเวลาในตั๋ว +20 นาที ครับ ทุกเรื่องที่ไปดู จะนั่งกินป๊อบคอร์นกับน้ำรอไปก่อนข้างนอก และอื่นๆอีกมากมาย

เรียบเรียง ทีมข่าวสยามนิวส์