ฮือฮา พิธีเททองหล่อรูปเหมือน ขุนพันธรักษ์ราชเดช ทำพายุฝนที่กระหน่ำหยุด ท้องฟ้าเปิด เชื่อบารมี ขุนพันธ

ฮือฮา พิธีเททองหล่อรูปเหมือน ขุนพันธรักษ์ราชเดช ทำพายุฝนที่กระหน่ำหยุด ท้องฟ้าเปิด เชื่อบารมี ขุนพันธ

เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 21 พ.ค.66 ที่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารจังหวัดนครศรีธรรมราช นาย ณ สรรค์ พันธรักษ์ราชเดช อายุ 72 ปี บุตรชายคนโต ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช เป็นเจ้าพิธี พร้อมด้วยทายาทรุ่นสอง คุณ ณ สรวง พันธรักษ์ราชเดช อายุ 42 ปี พร้อมคณะ ร่วมเป็นประธานในการประกอบพิธีเททองรูปหล่อ ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช และ วัตถุมงคล รุ่น พยักฆ์ทักษิณ ประจำปี 2566 มีผู้จิตศรัทธาพร้อมใจนุ่งขาวห่ม เข้าร่วมพิธีเป็นโบราณ

ทั้งนี้การประกอบพิธีเททองหล่อรูปเหมือนขุนพันธ์รักษ์ราชเดช มีการประกอบพิธีตามแบบฉบับโบราณ ทั้งพิธีบวงสรวง โดยหมอพราหมณ์ , พิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีหุงสีผึ้งขุนพันธรักษ์ราชเดช และพิธีที่สำคัญคือพิธีเททองหล่อขุนพันธรักษ์ราชเดช มีท่านเจ้าคุณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารนครศรีธรรมราช และพระครูภาวนาจริยานุกูล วัดห้วยเตง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ ตามวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างโบสถ์ ณ สำนักปฏิบัติธรรมวัดห้วยเตง อ. พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช รวมทั้งบูรณะโบสถ์ วัดทางขึ้น และเป็นทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนวัดทางขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ที่เรียนดี แต่ขาดทุนทรัพย์

อย่างไรก็ตามก่อนเริ่มประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์ บอกกล่าวเทวดา ฟ้าดิน โดยหมอพราหมณ์ ปรากฏว่าเกิดพายุฝนกระหน่ำอย่างรุนแรง ทั้งลม ฝน จนเจ้าหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ประกอบพิธีต้องเข้ามาดูแลสถานที่ ป้องกันความเสียหายของโต๊ะหมู่บูชา รวมทั้งเครื่องเซ่นไหว้ เนื่องจากช่วงนี้จังหวัดนครศรีธรรมราช เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการตามประกาศของกรมอุตุ กระทั้งถึงเวลา 14.29 น.ที่เจ้าภาพกำหนดการประกอบพิธีบวงสรวง โดยหมอพราหมณ์ ปรากฏว่า พายุฝนลมกรรโชกแรง กลับเริ่มเบาและหยุด ไม่มีลมพัดกรรโชกแม้แต่น้อย มีเพียงฝนตกหนักสลับเบา สร้างความแตกตื่นให้ผู้ร่วมพิธี เชื่อว่าเป็นเพราะบารมีขุนพันธรักษ์ราชเดช รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดา ฟ้าดิน เปิดทางให้การประกอบพิธีเททองหล่อขุนพันธรักษ์ราชเดช ราบรื่นไปด้วยดี

นอกจากนี้ผู้ร่วมพิธียังเชื่ออีกว่า ฝนที่ตกปรอยๆเหนือท้องฟ้าสถานที่ประกอบพิธี เป็นน้ำมนต์ที่เทวดาประพรม เพื่อความสิริมงคล เนื่องจากรอบๆบริเวณวัด โดยเฉพาะบนถนนราชดำเนิน ซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่ประกอบพิธีประมาณ 100 – 200 เมตร กลับไม่มีฝนตก แม้แต่น้อย จึงเชื่อว่าฝนที่ตกปรอยๆ เหนือท้องฟ้าสถานที่ประกอบพิธี เป็นน้ำมนต์ที่เทวดาประพรม หลังจากนั้นหมอพราหมณ์เริ่มประกิอบพิธีตามลำดับจนแล้วเสร็จ นาย ณ สรรค์ พันธ์รักษ์ราชเดช อายุ 72 ปี บุตรชายคนโต ขุนพันธรักษ์ราชเดช ประกอบพิธีเททองหล่อรูปเหมือน ขุนพันธรักษ์ราชเดช แล้วพระสงฆ์สวดชยันโต สวดเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีหุงสีผึ้ง ตามลำดับจนแล้วเสร็จ

นาย ณ สรรค์ พันธรักษ์ราชเดช อายุ 72 ปี บุตรชายคนโต ขุนพันธรักษ์ราชเดช เผยว่า การจัดสร้างครั้งนี้รูปเหมือน 12 นิ้ว เพื่อระลึก 125 ปี ชาติกาล ขุนพันธรักษ์ราชเดช ซึ่งความพิเศษของรูปหล่อท่านขุนพันธ์ ครั้งนี้ คือใต้ฐานบรรจุเหรียญขุนพันธ์สะท้านแผ่นดิน ที่จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2551 จะถูกนำมาบรรจุใต้ฐานรูปหล่อท่านขุนพันธ์ ทุกองค์ และทุกองค์ตอกโค้ต รันจำนวนจัดสร้าง เพื่อระลึกถึงท่านขุนพันธ์ ซึ่งหากยังมีชีวิตปัจจุบันนี้ก็จะ 125 ปี จึงมีการจัดสร้างองค์นำฤกษ์ 125 องค์ ซึ่งไม่เคยจัดสร้างรูปเหมือนขนาด 12 นิ้ว แต่งนายพลเต็มยศแบบนี้มาก่อน ที่สำคัญ 16 ปีแล้ว ที่ไม่มีการจัดสร้างและประกอบพิธี ส่วนมวลสารพิเศษในการประกอบพิธี ประกอบด้วย ยันต์ 108 แบบ ,นะ 14 แบบ เหล็กน้ำพี้ ตะปูพิเศษวัดพระธาตุ ก่อนบูรณะ ซึ่งผ่านการกราบไหวจากผู้คนนับ 1000 ปี รวมทั้งโลหะผสมเหล็กไหล ซึ่งเชื่อว่าใครบูชาจะได้โชค ได้ลาภ หน้าที่การงานชีวิตรุ่งเรือง โดยเฉพาะสอบตำรวจ ทหาร ราชการ จะประสบความสำเร็จ

ขณะที่นายศรัณยู วุฒิมานพ อายุ 35 ปี ( เสื้อยืดสีฟ้า ) ผู้ที่มีความศรัทธา ขุนพันธรักษ์ราชเดช เผยว่า หลังทราบมีดาการจัดสร้างรูปหล่อขุนพันธรักษ์ และวัตถุมงคล รุ่น พยักฆ์ทักษิณ จึงรีบเดินทางมาร่วมพิธี พร้อมเช่าบูชา เนื่องจากมีความศรัทธา เชื่อว่า บูชาขุนพันธรักษ์ จะแคล้วคลาดปลอดภัย รวมทั้งเชื่อว่า หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย หลังบูชาวัตถุมงคล ขุนพันธรักษ์

สำหรับประวัติ พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช ชื่อเดิมว่า บุตร พันธรักษ์ เกิดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นนายตำรวจที่มีความสามารถปราบผู้ร้ายสำคัญของจังหวัดพัทลุง คือ เสือสัง หรือ เสือพุ่ม ซึ่งเป็นคนร้ายที่แหกคุกมาจากเมืองตรัง และยังปราบผู้ร้ายสำคัญอีกมากมาย เช่น เสือเมือง เสือทอง เสือย้อย จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนพันธรักษ์ราชเดช ในปี พ.ศ. 2474 และยังได้รับสมญานามว่าหลายอย่าง อาทิเช่น นายพลตำรวจหนังเหนียว ,นายพลตำรวจหนวดเขี้ยว ,ขุนพันธ์ดาบแดง ,อัศวินพริกขี้หนู และมือปราบจอมขมังเวทย์ เป็นต้น

นอกจากนี้ขุนพันธรักษ์ราชเดช ยังได้ศึกษาร่ำเรียนฝึกวิชาอาคมหลายอย่าง จากสำนักวัดเขาอ้อ โดยเล่าเรียนกับพระอาจารย์ทอง ได้แก่ วิชากำบังตัว ,วิชาอยู่ยงคงกระพัน ,วิชาดูฤกษ์ยาม จึงถือว่าเป็นฆราวาส ที่มีวิชาอาคมมากจนได้รับฉายาว่า จอมขมังเวทย์ ปราบโจรผู้ร้าย จนมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศ และมีผู้นำประวัติเรื่องราวของท่านไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว

ทีมข่าวสยามนิวส์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ