เปิดประวัติ ทิม พิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

เปิดประวัติ ทิม พิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

เปิดประวัติ ทิม พิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หลังพรรคก้าวไกล ชนะการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีปี 2566 แบบขาดลอย แถมโปรไฟล์ยังเลิศ มีดีกรีเป็นนักเรียนทุน และนักธรุกิจพันล้าน ในขณะที่ก็ยังทำหน้าที่พ่อเลี้ยงเดี่ยวสุดสตรอง แต่โปรไฟล์ของเขาจะเป็นอย่างไร มารับชมกันเลยค่ะ

โดย ทิม มีชื่อจริงว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2523 ปัจจุบันอายุ 42 ปี เป็นลูกชายคนโตของนางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ทำหน้าที่เป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ด้านการศึกษาทิม พิธา ได้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย หลังจบชั้นมัธยมตอนต้น ก็ย้ายไปเรียนต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ และกลับไทยมาเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สาขาการเงิน (ภาคภาษาอังกฤษ) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจะจบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และได้รับทุนไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่คณะการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

ทั้งนี้ ทิม พิธา ยังเป็นนักศึกษาไทยคนแรกที่ได้รับทุน International Student ของ Kennedy School of Government ของฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ปิดท้ายชีวิตการเรียนด้วย ปริญญาโทใบสุดท้ายจากคณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ Sloan, Massachusetts Institute of Technology (M.I.T.) ประเทศสหรัฐอเมริกา

ด้านชีวิตครอบครัว ทิม พิธา ได้แต่งงานกับนักแสดงสาวชื่อดัง ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ เมื่อปี 2555 ก่อนจะหย่าขาดกันในปี 2561 โดยมีบุตรสาวร่วมกัน 1 คน ชื่อว่า พิพิม ลิ้มเจริญรัตน์

ครอบครัวของ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีกิจการชื่อ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำการผลิตผลิตผลทางการเกษตร อย่างน้ำมันรำข้าวดิบและรำข้าวสกัดไขมัน ทิมได้นั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของบริษัท พร้อมกับร่ำเรียนปริญญาโท 2 ใบไปพร้อมกัน ซึ่งตอนนี้อายุเพียง 23-24 ปีเท่านั้น

แต่หลังจากสูญเสียคุณพ่อ เขาก็เพิ่งทราบว่าธุรกิจที่บ้านมีหนี้กว่าร้อยล้านบาท เขาจึงบริหารธุรกิจอย่างจริงจังมากขึ้น แต่หลังจากที่ทิมบริหารเพียงแค่ 3 เดือน บริษัทก็สามารถค้าขายกับญี่ปุ่น จนสร้างรายได้ทะลุกว่าพันล้านภายในเวลาไม่นาน ทั้งนี้ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ถือเป็นบริษัทผลิตน้ำมันรำข้าวดิบยักษ์ใหญ่อันดับที่ 3 ของไทย และอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกเลยทีเดียว (อ้างอิงข้อมูลเมื่อปี 2560) และเขายังสามารถใช้หนี้หมดภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น

หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่า ทิม พิธา เคยช่วยงานการเมืองมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน โดยทิมได้ทำงานในกระทรวงพาณิชย์ในตำแหน่งผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2546 และร่วมเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในปี 2555

จากนั้นในปี 2561 ทิมก็ได้กลับเข้ามาในแวดวงการเมืองอีกครั้ง ด้วยการร่วมเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ภายใต้แกนนำของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยทิมได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคในลำดับที่ 4 และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งแรกที่ลงเลือกตั้ง ทั้งยังได้รับหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่อีกด้วย

ทว่าในปี 2563 พรรคอนาคตใหม่ได้ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ทิม พิธาจึงได้ย้ายไปจัดตั้งพรรคใหม่ในนาม พรรคก้าวไกลร่วมกับอดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่อีก 54 คน โดยทิม พิธา รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล

กระทั่งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ของพรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะคะแนนเสียงจากประชาชนชาวไทยไปอย่างถล่มทลาย และสามารถเอาชนะแบบแลนด์สไลด์ไปได้ในหลายจังหวัด อาทิ สมุทรปราการ นนทบุ รี ภูเก็ต จันทบุรี ระยอง ตราด สมุทรสาคร ลำปาง รวมไปถึงกรุงเทพมหานครที่ได้รับชัยชนะไปมากถึง 32 เขต จากทั้งหมด 33 เขตการเลือกตั้ง

จากผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้ พิธา ขึ้นแท่นเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทยในทันที แม้คะแนนเสียงจะเป็นฉันทามติจากประชาชน แต่อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับมติในสภาด้วยเช่นกันว่าทิมจะสามารถนั่งเก้าอี้นายกได้หรือไม่ เนื่องจากยังมีกติกาให้ส.ว.มาสิทธิ์โหวตนายกอยู่ ซึ่งงานนี้ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปค่ะ

เรียบเรียง siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ