แม่เล่านาทีชีวิต เกือบเสียลูกสาวไป หลังซื้อขนมจากตลาดนัดมาทาน

แม่เล่านาทีชีวิต เกือบเสียลูกสาวไป หลังซื้อขนมจากตลาดนัดมาทาน

อีกหนึ่งเรื่องราวอุทาหรณ์จากครอบครัวที่มีลูกเล็ก เป็นโพสต์ของคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่โพสต์เล่าประสบการณ์เกือบเสียลูกสาวไป เพราะซื้ออาหารจากตลาดนัดมากิน แล้วเกิดอาการช็อกฉับพลัน แพทย์ตรวจดูอาการ มีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากสารเสพติดกลุ่ม กัญชา หรือใบกระท่อม ผสมในอาหาร โดยแม่เล่าเรื่องไว้ว่า

อุทธาหรณ์มนุษย์แม่ ชีวิตช่างเปราะบาง แม่เกือบเสียหนูไปเพราะความไร้สำนึกของคนบางกลุ่ม ไม่เคยคิดว่าชีวิตลูกจะได้ admitted ใน ICU 12 /05/2023 วันนั้นเราใช้ชีวิตปกติกันมาก ลูกสาวเรียนภาษากับ teacher เหมือนทุกๆวัน เราจะไปส่ง teacher ที่ตลาดบางใหญ่ ทุกครั้งเราจะแวะซื้ออาหาร ขนม ไปกินกันต่อที่บ้านคุณยาย นี่คือกิจวัตรที่เราทำกันประจำเสมอๆ ใครจะคิดว่าครั้งนี้เกือบเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะมีกัน 4 คนพร้อมหน้า

ไปถึงบ้านคุณยาย แม่ให้พี่น้ำข้าวป้อนข้าวน้อง และกินไปด้วยกัน เมนูวันนั้น เด็กๆ กินซูชิ(เจ้าประจำ) โดนัท และขนมโตเกียว(ซื้อบางครั้ง) เริ่มกินประมาณ 2 ทุ่ม กินเสร็จจากบ้านคุณยายกลับถึงบ้านอาบน้ำอาบท่า เราแม่ลูกก็ได้นอนกันเวลาเกือบ 5 ทุ่ม

คืนนั้นลูกสาวดีใจมีความสุขมาก เพราะน้องนอนเร็ว จะได้ครองจุ๊บเต้าแม่คนเดียว นอนเล่านิทานกันไปกอดกันไปแม่ลูก ลูกสาวหลับยากกว่าทุกที แม่ปวดหลังแล้วลูกจ๋า แอบเคืองลูกอยู่นิดๆ เวลาผ่านไปอยู่ๆ ลูกสาวกอดแม่แน่นพูดว่า "หม่ามี๊จ๋า หนูคิดว่าหนูไม่ไหว" แม่ก็คิดว่าคงอึดอัดเหมือนทุกที เพราะก่อนนอนแม่บังคับให้กินนมอีก ลูกคงกินเยอะไป เอาลูกขึ้นมานั่งกอด บอกว่าเดี๋ยวหม่ามี๊นั่งกอดเนอะ อาหารจะได้ย่อย

สักพักลูกถามหาพ่อ เมื่อไหร่แดดดี้จะมานอนคะ หนูอยากให้ แดดดี้อุ้มหนูหลับ (แม่เริ่มเอะใจว่าลูกน่าจะเป็นหนักแล้วเพราะทุกครั้งเวลาที่เค้ารู้สึกว่าไม่ปลอดภัยจะเรียกหาพ่อ) บอกลูกว่าอดทนนะลูกพ่อทำงานเสร็จอาบน้ำจะมาอุ้มลูก

ไม่ถึงนาที ลูกสาวพูดว่า "I have to go to hospital now" เพราะหัวใจหนูเต้นช้าลง แม่รู้แล้วว่าลูกไม่ไหวปกติเค้ากลัวหมอมาก รีบเรียกพ่อให้อุ้มอาโปไป รพ.เลย จากบ้านเราไป รพ.ปกติแค่ 3-5 นาทีเพราะใกล้มาก แต่คืนนั้นเหมือนไกลเหลือเกิน แม่อุ้มลูกสาวขึ้นนอนเบาะหลัง ใจไม่ดีเพราะลูกปากเริ่มซีด เกือบม่วงแล้ว มือเท้าเย็นเฉียบ

ระหว่างทางลูกสาวบอกว่าหม่ามี๊นวดหัวใจให้หนูทีหนูไม่ไหว แม่จับไปที่หัวใจลูกที่ลูกบอกเต้นช้าลง แต่มันเหมือนจะทะลุออกจากอกลูก แม่กลัวลูกหัวใจวาย ปากก็ตะโกนเร่งพ่อให้เหยียบคันเร่ง มือก็คอยนวดหัวใจ นวดมือเท้าให้อุ่นขึ้นมา

อาการลูกดาวน์เร็วมากมือเท้าเกร็ง แม่ให้พ่อบีบแตรและเหยียบคันเร่งอีก ท่องบทสวดทุกบทที่จำได้ หันไปบอกรักลูก หายใจนะลูก อยู่กับแม่นะลูก ดีที่ลูกเคยฝึกสมาธิเค้ามีสติมากเท่าที่เค้าจะมีได้ พยายามหายใจเข้าและเป่าออกปาก (จุดนี้แม่ยอมรับเลยว่าลูกแม่เก่งมากหนูพยายามช่วยตัวเอง) ไปถึง รพ.แม่ตะโกนเรียกเปล แต่พอเปิดประตูรถเห็นอาการลูก จนท. รีบคว้าตัววิ่งไปอย่างไวตะโกนกันโหวกเหวก แม่แทบจะยืนไม่ไหวหูอื้อ แต่ฝืนทำตามจนท.บอกกรอกประวัติอะไรเสร็จ ขอเข้าไปดูลูก

คุณหมอกุลีกุจอหันมาบอกแม่ว่า "คุณแม่คะ ชีพจรน้องอ่อนมาก หมอจะให้ยาเพื่อดูว่าน้องตอบสนองยาไหม และต้องเฝ้าระวังใน ICU นะคะ"

สิ้นเสียงหมอภาพต่างๆของลูกมันวนกลับในหัวตั้งแต่วันที่อุ้มลูกสาวออกจาก รพ.ภาพที่เราอยู่ด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน แม้แต่ตอนที่ดุลูก ในใจคิดโทษตัวเองเราไม่น่าใจร้ายเข้มงวดกับลูกเลยลูกยังเด็ก ถ้าเค้าเป็นอะไรไปเค้าจะรู้ไหมนะว่าแม่ทำเพราะรัก คิดไปถึงขั้นถ้าเค้าไปจริงๆเค้าจะกลัวแค่ไหนที่ไม่มีแม่อยู่ด้วย อยากเป็นแทนลูกอยากเอาชีวิตแม่แลกถ้าแลกได้ ทุกบทสวดที่นึกได้ ทุกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ บุญทุกบุญที่เคยทำที่นึกได้ขออย่างเดียวให้ ลูกสาวของแม่ปลอดภัย

เวลาผ่านไปช้าเหลือเกินที่แม่ทรมานอยู่ตรงนั้นเพื่อรอฟังว่าลูกปลอดภัยแล้ว เสียงคุณหมอเดินมาบอกว่าน้องตอบสนองยานะคะคุณแม่ เดี๋ยวจะย้ายขึ้นไป ICU ตอนนี้พ้นวิกฤติแล้ว เหมือนเสียงสวรรค์ในใจแม่ สักพัก จนท.การเงินเดินมาแจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายห้อง ICU บุญเหลือเกินที่เราพอมีเงินจ่ายให้ลูกได้ ยังแอบคิดว่าถ้าไม่มีเงินสำรองกัน เราจะทำกันยังไงวันละครึ่งแสน

ด้วยความที่ลูกสาวแข็งแรงมาตลอดไม่เคยเข้ารพ.เราจึงไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพให้ลูกไว้ หันไปบอกจนท.ยังไงก็ได้ค่ะคุณแม่โอเค นี่แหละหนาหลายคนบอกว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้ แต่วินาทีนั้นเงินซื้อความสุขซื้อชีวิตลูกแม่ได้

รุ่งขึ้นได้คุยกับคุณหมอให้ความเห็นว่าเป็นอาการช็อกเฉียบพลัน จากแพ้อาหาร แต่ก็แปลกที่ไม่มีผื่นแพ้ให้เห็น หรือเป็นจากสารพิษ ทาง รพ.ได้ส่งไปที่สถาบันพิษวิทยาก็ไม่พบสารพิษ อีกข้อสันนิฐานนึงคือ เป็นสารเสพติด(กัญชา ใบกระท่อม)ที่เปิดเสรี จนคนไร้จิตสำนึกบางกลุ่ม เอามาใส่ลงในอาหาร หรือ ขนมเพื่อให้ลูกค้าติดใจ โดยที่ไม่ได้แจ้งว่าเป็นขนมเฉพาะ อาการลูกคล้ายคนที่เสพยาเกินขนาดมีอาการต่อระบบหายใจ และหัวใจโดยตรง ถ้าอาหารเป็นพิษต้องมีอาการต่อกระเพาะอาหารและมีไข้ ส่วนโดนสารพิษจะมีอาการอาเจียน แต่ลูกสาวไม่มีเลยอยู่ดีๆก็หายใจไม่ออกและช็อก

ทางพ่อเอกให้น้ำหนักไปทางสารเสพติดเพราะของอย่างเดียวที่ลูกสาวกินไม่เหมือนคนอื่นคือ "ขนมโตเกียว" และแปลกที่พอลูกสาวไปซื้อร้านขอทำให้ใหม่ ทั้งๆที่มีขนมทำไว้เยอะมาก พ่อยังมาเล่าว่าร้านเค้าดีนะ เห็นเด็กซื้อเลยอยากทำร้อนๆให้ ตอนนี้น่าจะเป็นเพราะเค้ารู้แก่ใจว่าขนมเค้าใส่อะไร แต่ด้วยความที่ลูกสาวผอมและตัวเล็ก สารเลยออกฤทธิ์แรง คุณหมอแจ้งว่า ถ้าจะตรวจสารเสพติดต้องภายใน 4 ชม.หลังได้รับสาร เราจึงได้แค่สงสัยไม่อาจมีหลักฐานไปเอาผิดกับร้านได้!!

สุดท้ายนี้แม่ขอฝากเตือน แม่ๆทุกบ้าน เราคงต้องใช้ชีวิตยากกว่าทุกครั้ง ไม่ใช่แค่ระวังว่าลูกจะกินอาหาร สะอาดปลอดภัยไหม บางบ้านต้องดูว่าลูกแพ้อะไรไหม เราต้องระวังให้ลึกไปอีกถึงว่า ร้านจะใส่สารเสพติดในอาหารด้วยรึเปล่า เพราะถึงแม้ใส่ในปริมาณน้อย ผู้ใหญ่อย่างเราทนไหว แต่ลูกๆเรา ๆไม่สามารถรู้ได้เลยว่าร่างกายเค้ารับได้แค่ไหนอย่างไร ตอนนี้แม่หลอนไปหมด กับการซื้ออาหาร ตามตลาดนัด อยากกินขนมต้องเลือกตามร้านที่ไว้ใจมีมาตรฐานเท่านั้น แพงหน่อยแม่ว่าแม่สบายใจกว่า

สุดท้ายนี้ขอกราบขอบพระคุณคุณหมอ จนท.ห้องฉุกเฉินที่ช่วยลูกแม่ ขอบคุณพ่อเอกที่ขับรถแบบไม่คิดชีวิต และขอบคุณลูกสาวนะลูกที่หนูมีสติมาก ถ้าหนูไม่ช่วยตัวเองด้วยอีกทางในวันนั้นแม่ก็ไม่รู้วันนี้แม่จะได้กอดหนูเหมือนวันนี้ไหม

พิมพ์ไปหัวใจยังสั่น น้ำตาไหลไม่หยุดไม่คิดเลยว่าชีวิตคนเราจะเปราะบางถึงเพียงนี้ รักกันไว้นะคะทุกครอบครัวเพราะเราไม่รู้เลยว่าเราจะได้กอดกันอย่างนี้ไปนานแค่ไหน สติสำคัญกับการดำเนินชีวิตจริงๆ"

หลังจากนั้น คุณแม่ยังมาโพสต์อัปเดตข่าวดีให้ทราบในคอมเมนต์ ว่าลูกสาวได้ออกจาก รพ.แล้ว ระบุว่า

"แม่โมและครอบครัวกราบ ขอบพระคุณ ลุง ป้า น้า อา พ่อ แม่ พี่ น้องทุกๆท่านเลยนะคะที่เป็นห่วงและส่งกำลังใจให้น้อง ตอนนี้ได้ออกจาก รพ.แล้ว คุณหมอให้เฝ้าระวังเพราะหัวใจผ่านการทำงานหนักมาก เวลาดีใจ เสียใจ ตกใจ จะมีอาการใจสั่นใจหวิว อยู่ค่ะ แม่กับพ่อก็ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด และขอให้เรื่องราวของบ้านเรา เป็นอุทาหรณ์บ้านที่มีเด็กเล็กๆ ไม่ว่าเราจะระวังสักเพียงไหน ต้องเพิ่มความระวังมากกว่าเดิม จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลังถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบนี้ขึ้น"

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ