ไทยสร้างไทย เอาจริง ประกาศชนกลุ่มทุนผูกขาด ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ ตัวการทำค่าไฟฟ้าแพง

ไทยสร้างไทย เอาจริง ประกาศชนกลุ่มทุนผูกขาด ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ ตัวการทำค่าไฟฟ้าแพง

โดยเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมานี้นะคะ พรรคไทยสร้างไทยได้นำทีมกฎหมายร่วมกับพี่น้องประชาชน ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีส่วนทำให้ ค่าไฟฟ้าแพงต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เอาผิดทางอาญาตามมาตรา 151 และ 157

เนื่องจาก ผู้ถูกฟ้อง ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้ดำเนินการกำหนด กรอบ หรือ เพดานของสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของเอกชนในระบบผลิตไฟฟ้าของประเทศ และกำหนดปริมาณไฟฟ้าสำรองอันเกี่ยวกับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของเอกชนเกินความจำเป็นและสูงกว่าการบริโภค หรือความจำเป็นด้านความมั่นคงด้านพลังงาน

ส่งผลต่อกระทบอัตราค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนสูงเกินความเป็นจริงและยังมีไฟฟ้าสำรองเหลือการบริโภคที่เอื้อประโยชน์หรือส่อไปทางทุจริต เพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนคู่สัญญาให้ได้รับประโยชน์จากค่าไฟฟ้าผันแปร แล้วผลักภาระค่าใช้จ่ายให้โจทก์และประชาชนหรือรัฐเป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

พร้อมทั้งโพสต์ข้อความระบุไว้ว่า เอาจริง ไทยสร้างไทย ประกาศชนกลุ่มทุนผูกขาด ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ ตัวการทำค่าไฟฟ้าแพง เอาผิดอาญาตามมาตรา 151 และ 157 พรรคไทยสร้างไทย โดยนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรค และน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการสำนัก ปราบโกงพรรค

มอบหมายให้นายปริเยศ อังกูรกิตติ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์ นายเจตุบัญชา อำรุงจิตชัย รองโฆษกพรรค นายรณกาจ ชินสำราญ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย พร้อมทีมกฎหมายร่วมกับพี่น้องประชาชน

ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีส่วนทำให้ ค่าไฟฟ้าแพงต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยเปิดเผยว่าหลังจากที่พรรคไทยสร้างไทย ได้รับฟังผลกระทบของประชาชน ที่ขยายตัวเป็นวงกว้าง

จากราคาค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นเกือบ 30 % ประกอบกับการติดตาม ตรวจสอบข้อมูล มาระยะหนึ่งพบว่า การขึ้นค่าไฟฟ้า ไม่ได้มาจากความต้องการในการบริโภคไฟฟ้ามากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความผิดพลาดในการบริหารนโยบายด้านพลังงานของผู้มีอำนาจ และพฤติการณ์ที่ส่อว่าจะเอื้อประโยชน์ ให้กับเอกชนหลายราย ในการอนุมัติสัญญาสัมปทานและการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่เกินความต้องการของประเทศ

พรรคไทยสร้างไทย จึงได้ยื่นฟ้องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังงานไฟฟ้าตามพระราชบัญญัติประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายในการกำหนดมาตรการเพื่อให้เกิดความมั่นคงและเชื่อถือเกี่ยวกับไฟฟ้า

โดยต้องกำหนดปริมาณให้สอดคล้อง และใกล้เคียงกับความเป็นจริงตามความต้องการใช้ไฟฟ้าของทั้งประเทศในแต่ละช่วงเวลา แต่ผู้ถูกฟ้องได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้ดำเนินการกำหนดกรอบ หรือ เพดานของสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของเอกชนในระบบผลิตไฟฟ้าของประเทศ

และกำหนดปริมาณไฟฟ้าสำรองอันเกี่ยวกับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของเอกชนเกินความจำเป็นและสูงกว่าการบริโภค หรือความจำเป็นด้านความมั่นคงด้านพลังงาน ส่งผลต่อกระทบอัตราค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนสูงเกินความเป็นจริงและยังมีไฟฟ้าสำรองเหลือการบริโภคที่เอื้อประโยชน์หรือส่อไปทางทุจริตหรือประพฤติมิชอบให้เอกชนที่เป็นคู่สัญญาได้ประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดินหรือเงินของประชาชน

การกระทำของผู้ถูกฟ้องซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ของ กฟผ.ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่โจทก์ รัฐและประชาชน หรือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ หรือรัฐและประชาชน หรือปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนคู่สัญญาให้ได้รับประโยชน์จากค่าไฟฟ้าผันแปร(Ft)

แล้วผลักภาระค่าใช้จ่ายให้โจทก์และประชาชนหรือรัฐเป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157 จึงขอศาลได้โปรดพิจารณารับฟ้องและไต่สวนมูลฟ้องเรียกพยานหลักฐานที่อยู่ในความครอบครองของผู้เกี่ยวข้องเพื่อเอาผิดต่อไป

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ