ฝรั่งที่ถูกการ์ดใส่กุญแจมือตบหน้าโผล่แจ้งความกองปราบฯ ปฏิเสธไม่ได้ขโมยน้ำ สถานบันเทิงส่งทนายมาเคลียร์ทันที

ฝรั่งที่ถูกการ์ดใส่กุญแจมือตบหน้าโผล่แจ้งความกองปราบฯ ปฏิเสธไม่ได้ขโมยน้ำ สถานบันเทิงส่งทนายมาเคลียร์ทันที

จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ เป็นคลิปชาวต่างชาติถูกชายไทยใส่กุญแจมือและตบหน้า เหตุเกิดภายในร้านเดอะคลับ ถ.ข้าวสาร แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม.เมื่อวันที่ 25 ก.พ.เวลา 02.00 น. นั้น

จากนั้น สน.ชนะสงครามท้องที่เกิดเหตุได้สอบสวนและควบคุมตัวชายผู้ก่อเหตุได้ 2 ราย คือ 1.นายธงชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปีคนที่ตบหน้านักท่องเที่ยว และ 2. นายกฤษฎา (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี คนที่ห้าม ซึ่งทั้งสองเป็นการ์ดของสถานบันเทิง “เดอะ คลับ ข้าวสาร”มาสอบถามข้อมูล และทำประวัติไว้

ล่าสุดวันนี้ 5 มี.ค.เวลา 13.30 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ พา นาย Rodric W Carkhuff อายุ 34 ปี สัญชาติอเมริกัน เข้าแจ้งความที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อดำเนินคดีเจ้าของสถานบันเทิง The Club ย่านถนนข้าวสาร และการ์ด 2 คน ที่จับใส่กุญแจมือแล้วทำร้าย ที่มีคลิปเหตุการณ์ปรากฎในโลกโซเชียล จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุกับนักท่องเที่ยวซึ่งทำให้ชื่อเสียงประเทศไทยได้รับความเสียหายเหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ผู้เสียหาย เล่าว่า ในวันเกิดเหตุมีตนเอง น้องชาย และเพื่อนผู้หญิงอีก 2 คน ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งนี้ ซึ่งขณะนั้นทางเพื่อนได้สั่งเบียร์มาดื่ม 2 ขวด โดยบาร์เทนเดอร์ได้ยื่นน้ำเปล่าให้ด้วย ตัวเองนึกว่าน้ำฟรีจึงถือกลับโต๊ะ ต่อมาปรากฏว่าทางการ์ดได้เดินมาเรียกตัวเองไปคุยโดยพาไปเจรจาอีกห้อง มีการล็อคกุญแจมือ และทำร้ายร่างกายตบหน้าประมาณ 2-3ครั้ง ก่อนใช้มีดยาวข่มขู่ โดยกล่าวหาว่าตัวเองขโมยน้ำดื่มมา หลังจากวันเกิดเหตุเพื่อนได้แนะนำให้ตัวเองปรึกษาทนาย ก่อนเข้ามาแจ้งความในวันนี้

โดยยืนยันว่าการที่ตนเองนำน้ำดื่มกลับมาเป็นเพราะคิดว่าบาร์เทนเดอร์ให้ฟรีเนื่องจากในต่างประเทศเมื่อซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว บาร์เทนเดอร์มักให้น้ำเปล่ามาฟรีด้วยจึงคิดว่าประเทศไทยก็น่าจะเหมือนกัน ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาขโมยอย่างแน่นอนเนื่องจากตัวเองมีเงิน

ส่วนประเด็นที่มีข่าวว่า พบยาเสพติดในวันเกิดเหตุ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตัวเองไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน

ผู้เสียหายยังเล่าว่า เคยมาทำอาชีพครูสอนภาษาอีงกฤษที่ประเทศไทยกว่า 2 ปี แล้วกลับไปทำงานเป็นช่างปะปาที่สหรัฐอเมริกา โดยกลับมาเที่ยวที่ประเทศไทย ช่วงเดือนมกราที่ผ่านมาและมีกำหนดจะกลับในเดือนเมษายน บอกว่าที่ผ่านมา ตัวเองประทับใจในประเทศไทย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบกับความรู้สึกของตัวเองที่รักเมืองไทยและรักคนไทยเหมือนเดิม

ด้านทนายเกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่า มาแจ้งความดำเนินคดีการ์ดที่ก่อเหตุในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว , ทำร้ายร่างกาย และพกพาอาวุธมีด อีกทั้งอยากให้ตำรวจตรวจสอบว่าสถานบันเทิงดังกล่าวมีการเปิดให้บริการเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ยืนยันหลังจากเกิดเหตุทางร้านไม่เคยติดต่อกลับไปหาผู้เสียหายเลย

ส่วนสาเหตุที่ไม่ไปแจ้งความ สน.ชนะสงคราม เพราะไม่มั่นใจในคงามปลอดถัย และว่าจะเกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม

ขณะที่ นายประสิทธิ์ สิงห์ดำรงค์ ทนายความของร้าน The Club พร้อมด้วย นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร ได้เดินทางมารอเจราไกล่เกลี่ย เพิ่มแสดงความรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบอกว่าที่ผ่านมาพยายามติดต่อหาผู้เสียหายแต่ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อรู้ว่าวันนี้ทางผู้เสียหายจะเข้ามาแจ้งความจึงรีบมารอเจรจา เพื่อ แสดงความรับผิดชอบ และตกลงชดใช้ค่าเสียหาย

พร้อมกับยืนยันว่า ทางร้านไม่ได้ละเลยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุทางร้านได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมไล่การ์ดชุดที่ดูแลความปลอดภัยวันเกิดเหตุออก6คน รวมทั้งผู้จัดการร้านอีก1คน จากการตรวจสอบยืนยันว่าการ์ดไม่ได้ใช้อาวุธมีดก่อเหตุตามที่นักท่องเที่ยวอ้าง ส่วนเรื่องการใช้กุญแจมือปกติจะต้องเป็นการ์ดที่ผ่านการอบรมจึงจะใช้ได้ แต่การ์ดชุดนี้ใช้กุญแจมือโดยพลการ

ด้านนายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร ระบุว่า หลังเกิดเหตุได้พูดคุยกับกลุ่มการ์ดผู้ก่อเหตุ บอกว่าเป็นความเข้าใจผิดคิดว่านักท่องเที่ยว จะขโมยน้ำดื่ม แต่ก็ยอมรับว่ามีการใส่กุญแจมือซึ่งเป็นการทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้เรียกเจ้าของร้านมาทำความเข้าใจมาตรการ โดยมีการสั่งปิดสามวันตามที่ทำข้อตกลงกันไว้ในมาตรการ

อย่างไรก็ตาม ได้มีการเจรจากันทั้งสองฝ่าย โดยมีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เป็นคนกลางการไกล่เกลี่ย โดยฝ่ายผู้เสียหายได้เรียกร้องเงินค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท ซึ่งทางตัวแทนของร้าน The Club ยินดีที่จะชดใช้ให้

เรียบเรียงโดย ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัด นนทบุรี

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ