
ตา-ยาย แกร้องไห้แทบขาดใจ ลูกชายเพิ่งบอกว่า จะกลับมาอยู่บ้านนะแม่ หลังไปทำงานเกาหลี
เรียกได้ว่าหลายๆคนคงได้ทราบข่าวกันบ้างแล้วที่ก่อนหน้านั้นมีสามีภรรยาไปทำงานที่เกาหลี แล้วเสียชีวิต ซึ่งเดินทางไปทำงาน นอนเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านเช่า เขตโกชาง ซ็อลลาเหนือ คาดเสียชีวิตจากการสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ หลังก่อกองไฟจุดคลายความหนาว ทั้งคู่มาทำงานอยู่เกาหลีนาน 10 ปีแล้วในเขตชนบท เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2566 ที่บ้านพัก หมู่ 1 ต.นาคำ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ญาติๆพากันมาให้กำลังใจและแสดงความเสียใจกับ นายบุญจันทร์ อายุ 78 ปีและนางทองเลื่อน อายุ 74 ปี พ่อ-แม่นายขจรศักดิ์ หรือแหลม อายุ 55 ปี ซึ่งถูกระบุเสียชีวิตพร้อมภรรยาที่เกาหลีใต้ ที่บ้านมีสองตายายอยู่กันเพียงลำพัง
แหลม เป็นลูกชายคนโตในจำนวน 5 คน ถือเป็นเสาหลักของครอบครัวดูแลน้องมาตลอดตั้งแต่เกิดมา พอโตก็ไปทำงานเพราะทางบ้านยากจน ไม่ค่อยอยู่บ้านไปทำงานที่ประเทศนี้ที ประเทศโน้นที เขาเลิกกับภรรยาเก่าไปได้ภรรยาใหม่ตอนไปทำงานที่เกาหลีใต้ มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ตอนนี้มีลูกชาย 2 คน วันก่อนหลานชายซึ่งเป็นลูกชายแหลม โทรมาบอกว่า
ย่าทำอะไรอยู่ ย่าทำใจดีๆ นะ ตำรวจโทรมาบอกว่า พ่อเสียชีวิตแล้ว รู้ข่าวก็ช็อคร้องไห้ตลอด เขาไปทำงานที่ทั้งอิสราเอล ไต้หวัน และเกาหลีใต้ อยากได้ร่างลูกชายกลับบ้าน แต่ได้ยินข่าวมีค่าใช้จ่ายเยอะถึง 5 แสนบาท ก็เลยคิดว่าจะเอากระดูกมาทำบุญที่มีค่าใช้จ่าย 1 แสนบาท อยากให้ทางการช่วยนำร่างหรือกระดูกลูกมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านด้วย
ยายทองเลื่อน บอกว่า ไม่คิดว่าลูกชายจะจากไปเร็วป่านนี้ เขาวีดีโอคอลมาหาแม่เมื่อปีใหม่ บอกว่า อีก 4-5 ปีครบ 60 ปีจะกลับมาอยู่บ้านนะแม่ อย่าเพิ่งไปก่อนลูกแล้วกัน
รับปากกับแม่จะมาหาแม่จะมาอยู่บ้านกับแม่ หากเลือกได้แม่ขอไปก่อน จะเอาลูกไว้เพราะเขาอายุยังน้อย ต่อจากนี้ไม่รู้จะทำอะไรได้ไหม เพราะคิดถึงลูก ไปเห็นบ้านลูกน้ำตาไหลออกมาคิดถึงแต่หน้าลูก เห็นไม้ที่สร้างบ้านหลังนี้ก็จะร้องไห้เพราะเป็นไม้ที่ลูกชายเลื่อยมาสร้างไว้
ขณะที่ นายจุ๋ม น้องชายนายแหลม บอกว่า คุยกับพี่ชายเขาบอกว่าจะกลับมาบ้านเดือนเม.ย.นี้ จะมาพักสักระยะหนึ่ง ตอนนี้หลานชายกำลังติดต่อกับสถานทูตที่เกาหลีใต้เรื่องนำกระดูกของพ่อมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านจ.อุดรธานี แต่ตอนนี้เราติดใจว่าทรัพย์สินของพี่ชายยังอยู่ไหม แม้เขาจะไปแบบไม่ถูกต้องแต่เขาน่าจะมีทรัพย์สินบ้าง เท่าที่รู้เขามีกระเป๋าติดตัวตลอดอยู่ใบหนึ่ง
บอกว่ามีทองคำ 90 ตุ๊ด หรือประมาณ 9 ล้านบาท เงินสดอีก 400,000 บาท ไม่รู้ยังอยู่ไหม คงต้องประสานกับสถานฑูตอีกครั้ง หากทรัพย์สินและเงินสดยังอยู่ อยากให้ตำรวจเกาหลีใต้สืบดูว่า คนที่ไปเจอคนแรกพบไหม หากกระเป๋าใบนั้นมีทรัพย์สิน ทองคำและพาสปอร์ตของพี่ชายและพี่สะใภ้ยังอยู่ไหม ญาติๆ อยากได้ทรัพย์สินตรงนั้นมาด้วย