อัญเชิญดวงวิญญาณน้องดิวกลับบ้าน หลังผลชันสูตรออกมาว่าสมองบวม กะโหลกศีรษะแตกร้าว

อัญเชิญดวงวิญญาณน้องดิวกลับบ้าน หลังผลชันสูตรออกมาว่าสมองบวม กะโหลกศีรษะแตกร้าว

วันที่ 14 ก.พ.2566 จากกรณีเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก น.ส.วนิดา รักษาบุญ อายุ 26 ปี พักอยู่ที่เลขที่ 52/2 ม.8 ต.หนองไข่น้ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี ขณะเดินทางไปรอดูอาการป่วยของ ด.ช.ธนากร รักษาบุญ อายุ 1 ขวบ 2 เดือน (น้องดิว) ลูกชายที่โรงพยาบาลสระบุรี ซึ่งถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลหนองแค ด้วยอาการหมดสติไม่รู้สึกตัวตั้งแต่วันวานนี้ ( 9 ก.พ.2566) โดยอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต ICU

น.ส.วนิดา รักษาบุญ เล่าและลำดับเหตุการณ์ กับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนอยู่ระหว่างเตรียมหางานทำ (โรงงาน) ในเขต อ.หนองแค แต่ตนมีภาระต้องเลี้ยงดูลูกชาย ( น้องดิว) เนื่องจากตนเลิกกับสามีตั้งแต่น้องดิวอยู่ในครรภ์ จึงเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มีคนแนะนำให้นำน้องดิว ไปฝากเลี้ยงที่สถานที่รับเลี้ยงเด็ก บ้านของนางสิริยาพร โล่สุวรรณ อายุ 33 ปี เลขที่ 100/28 ต.หนองปลาหมอ อ.หนองแค จ.สระบุรี ตนจึงได้เดินทางไปดู สถานที่รับเลี้ยงเด็ก ดังกล่าวมีผู้ใหญ่อยู่รวมกันหลายคน พบว่า มีผู้ปกครองคนอื่นๆ นำลูกมาฝากเลี้ยงอยู่ก่อนแล้ว 2-3 คน ดูแล้วสถานที่ดูสะอาดสะอ้าน น่าที่จะนำน้องดิวมาฝากเลี้ยงได้ จึงทดลองนำน้องดิว ไปฝากเลี้ยงก่อนเป็นรายวัน วันละ 150 บาทเมื่อ 3 วันก่อน หากผ่าน และไม่มีปัญหาอะไรก็จะฝากเลี้ยงเป็นรายเดือนเพื่อตนจะได้เข้าทำงาน

น.ส.วนิดา เล่าต่อไปว่า วัน แรก วัน สอง เหตุการณ์ปกติไม่มีอะไร แต่ วันที่สาม ( 8 ก.พ.66) ที่ตนนำน้องดิว ไปฝากเลี้ยงในช่วงบ่าย ต่อมาไม่นานตนได้รับการติดต่อจาก นางสิริยาพร (คนรับเลี้ยง)ว่า น้องดิว มีอาการผิดปกติ ตัวเกร็ง มีเลือดไหลออกมาทางปาก นอนกัดลิ้นตัวเอง พร้อมแชทไลน์ และส่งภาพถ่ายอาการน้องดิว มาสอบถามอาการจากตนโต้ตอบกันไป-มา ตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินทางไปที่บ้านของนางสิริยาพร พบว่า อาการน้องดิว หนักมากแล้วไม่รู้สึกตัวแล้วตามตัวมีรอยฟกช้ำ ตนจึงรีบอุ้มน้องดิว ส่งโรงพยาบาลหนองแค เมื่อหมอที่โรงพยาบาลหนองแค ตรวจดูอาการเบื้องต้นแล้วรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นใส่สายเครื่องช่วยหายใจ แล้วรีบส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลสระบุรีในทันที แพทย์โรงพยาบาลสระบุรีนำเข้าเครื่องสะแกนสมอง และตรวจดูอาการอื่นๆ เสร็จแล้วนำกลับมาดูแลรักษา ในห้อง ICU โดยแจ้งให้ตนทราบถึงอาการป่วยของน้องดิวว่า น้องดิวสมองบวม อาการค่อนข้างวิกฤต มีเลือดออกที่ตา และตามร่างกายมีรอยช้ำบวม ขอให้ทำใจที่น้องอยู่ได้นี้ก็เพราะ เครื่องช่วยหายใจ และยา โอกาสที่น้องจะกลับมามีแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นขอให้ตนทำใจ ตนรู้สึกข้องใจมาก เพราะลูก (น้องดิว) อยู่ดีๆร่าเริงเป็นปกติไม่มีโรคประจำตัวใดๆ จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สถิตย์พงษ์ ศรีอ่อน รอง สว.(สอบสวน) สภ.หนองแค ให้เข้าไปตรวจสอบหาพยานหลักฐาน(กล้องวงจรปิด) จากบ้านนางสิริยาพร ว่าเกิดอะไรขึ้น กับน้องดิว เพื่อดำเนินคดีกับผู้ทำทำร้างลูกของตนต่อไป

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สอบสวน สภ.หนองแค ได้เชิญตัว นางนางสิริยาพร โล่สุวรรณ (คนรับเลี้ยง) มาสอบสวนยังห้องสอบสวน สืบสวน สภ.หนองแค โดยใช้เวลา กว่า 5 ชั่วโมง จนนางสิริยาพร ทนแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ไหว พร้อมด้วยการจำนน ด้วยหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมี เสียงจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้าน ของผู้ที่รับเลี้ยงเด็ก โดยนางสิริยาพร กล่าวอ้างว่า หลังจากที่แม่น้องดิว นำน้องดิวมาส่งได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ปรากฏว่าน้องดิวได้ร้องไห้ งอแง ตลอดเวลาไม่ยอมหยุด เนื่องจากว่าเด็กไม่คุ้นชิน และการร้องไห้ของน้องดิว ได้ใช้หัวโขกพื้นด้วย ตนเองพยายามเกลี้ยมกล่อมอยู่นาน แต่น้องดิวไม่หยุดร้อง และยังคงใช้หัวโขกไปที่พื้น ด้วยความพลั่งมือ ตนเองจึงได้จับหัวน้องดิวโขกไปที่พื้นด้วยถึง 3 ครั้ง โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าน้องดิวจะได้รับผลกระทบถึงขนาดนี้

ทางด้าน พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.หนองแค เผยว่า จากแนวทางการสอบสวน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ว่าเผลอตัวทำร้ายเด็ก จริง โดยไม่คิดว่าเด็กจะได้รับอันตรายถึงขนาดนี้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติ หมายศาลเพื่อจับกุมตัว นางสิริยาพร เพื่อดำเนินคดีทางด้านกฎหายต่อไป โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาไว้ว่า ทำร้ายร่างกายอันก่อให้เกิดอันตรายถึงสาหัส และทารุณกรรมต่อร่างกาย หรือจิตใจของเด็ก ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ต.อ.สถิตย์ กล่าวเสริมว่าทางด้านนางสิริยาพร ยังเคยต้องโทษในคดีฉ้อโกงเรื่องหน้ากากอนามัย(แมส) เมื่อปี 2564 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ

ทางด้าน พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.หนองแค เผยว่า จากแนวทางการสอบสวน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ว่าเผลอตัวทำร้ายเด็ก จริง โดยไม่คิดว่าเด็กจะได้รับอันตรายถึงขนาดนี้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติ หมายศาลเพื่อจับกุมตัว นางสิริยาพร เพื่อดำเนินคดีทางด้านกฎหายต่อไป โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาไว้ว่า ทำร้ายร่างกายอันก่อให้เกิดอันตรายถึงสาหัส และทารุณกรรมต่อร่างกาย หรือจิตใจของเด็ก ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ต.อ.สถิตย์ กล่าวเสริมว่าทางด้านนางสิริยาพร ยังเคยต้องโทษในคดีฉ้อโกงเรื่องหน้ากากอนามัย(แมส) เมื่อปี 2564 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ

คืบหน้าล่าสุดวันนี้ 14 กุมภาพันธ์ ทางด้านนางสาววนิดา รักษาบุญ ได้นำร่างของเด็กชายธนากร รักษาบุญ อายุ 1 ขวบ 2 เดือน (น้องดิว) ออกจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ องค์รักษ์ จ.นครนายก โดยผลชันสูตร สาเหตุการเสียชีวิต ของน้องดิว ออกมาว่า เกิดจาก สมองบวม กะโหลกศีรษะแตกร้าว จากนั้นได้นำตัวน้องดิว กลับมายังบ้าน เลขที่ 100/28 ต.หนองปลาหมอ อ.หนองแค จ.สระบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนางสิริยาพร โล่สุวรรณ พี่เลี้ยงโหด เพื่อทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ ของน้องดิวกลับบ้าน ซึ่งในการประกอบพิธี ได้นำก้านกล้วยมาทำเป็นกระทง สามเหลี่ยม ปูพื้นด้วยใบตอง ซึ่งภายในบรรจุด้วย ต้มจืด 1 ถ้วย ข้าวสวย 1 ถ้วย น้ำเปล่า 1 ขวด นม 1 กล่อง ขนมทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน ฝอยทอง และรูปปั้นเด็กที่ปั้นจากดินน้ำมัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ตัวแทน น้องดิว โดยมีพระครูกิตติ ปุญโญภาส เจ้าอาวาสวัดเกาะกลาง ต.หนองแค อ.หนองแค จ.สระบุรี เป็นผู้ประกอบพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ ของน้องดิว

ทางด้านนางสาววนิดา เล่าว่า วันนี้ได้มาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณของน้องดิวกลับ บ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยจะนำร่างของน้องดิวไปฝังไว้ก่อน จนกว่าอายุจะครบกำหนด ซึ่งจะต้องสอบถามญาติๆดูก่อนว่าจะเก็บไว้นานขนาดไหน ในส่วนเรื่องคดีความ ตนขอเดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนาให้ลูกก่อน และเมื่อเสร็จก็กลับมาดำเนินการต่อ แต่ตนเองได้ตั้งทนายไว้แล้ว โดยให้ทางทนายดำเนินการไปก่อน ซึ่งผลชันสูตรออกมาว่า น้องดิว สมองบวม และกะโหลกศีรษะแตกร้าว บริเวณท้ายทอย ส่วนในเรื่องคดีความตอนนี้ตนเองไม่ค่อยหนักใจเท่าไร เนื่องจากว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามเรื่องให้จนถึงที่สุด แลยังมีเจ้าหน้าที่ พม.เข้ามาให้ความช่วยเหลือ พร้อมด้วยเหน้าที่สงเคราะห์เด็กด้วย และยังมีนายเฉลิม พิมพา (เอ็ม) เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถาน เข้าให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง ส่วนพี่เลี้ยงโหด ยังไม่ได้ประกันตัวออกมา เนื่องจากศาลคัดค้านการประกันตัว โดยส่วนตัวแล้วตนเองไม่คิดที่จะให้อภัยกับผู้ก่อเหตุ เนื่องจากตนเองรักลูกของตนเองมาก ไม่เคยที่ทุบตีลูกของตนเองเลยสักครั้ง ซึ่งถ้าไม่จำเป็นจริงๆตนเองไม่คิดที่จะเอาลูกไปฝากใครเลย ซึ่งที่ตนเอาไปฝากเลี้ยงเนื่องจากมีความจำเป็นต้องหางานทำ ที่ตนไปฝากก็เชื่อใจคนเลี้ยงอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งที่ตนเอามาฝากก็เพื่อแค่ทดลองเอามาฝาก โดยไม่ได้ตั้งใจนำมาฝากจริงๆ ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับลูกของตนเองตนเองไม่คิดที่จะอภัยให้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังไม่คิดที่จะสำนึกเลย แม้แต่คำขอโทษเราก็ไม่มี ตนจึงไม่จำเป็นต้องให้อภัย ก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ เล่าว่า ตอนนี้ทราบแล้ว่าน้องดิวได้เสียชีวิตลงแล้ว และผลชันสูตรก็ออกมาแล้ว แต่ในการตั้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุยังคงต้องรอ สอบปากคำแพทย์ก่อน กรณีเสียชีวิต เพื่อพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา

หมายเหตุ...ซึ่งก่อนที่จะทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ ของน้องดิว บริเวณบ้านที่เกิดเหตุ นางสาววินดา แม่ของน้องดิว ได้พบกับ นายภาคี ศรีฐโย สามีของผู้ก่อเหตุ และแม่ (ของผู้ก่อเหตุ) โดยทั้ง 2 ไม่ยอมให้เข้าไปทำพิธีภายในบ้าน เกิดมีการปะทะคารมกันเล็กน้อย โดยนางสาววนิดา ได้บอกว่าเพื่อความสบายใจของตน ตนเองขอเข้าไปทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ ภายในบ้าน เนื่องจากว่าน้องดิวอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นที่สุดท้าย ในที่สุดนายภาคี จึงได้ยอมให้เข้าไปประกอบพิธี ทางนายภาคี ได้พูดคุยว่าตอนนี้ทางครอบครัวก็ยังย่ำแย่อยู่ เงินประกันเมียก็ไม่มีที่จะประกัน ในส่วนเรื่องการเยียวยา ตนเองก็พยายามหาช่วยอยู่ ตอนนี้บ้านก็ยังต้องผ่อน

ข่าวโดย ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดสระบุรี

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ