แพรรี่ ไพรวัลย์ ถามถึง ครูบาไก่ ซ้อนท้ายเจ็ตสกีเหมาะสมแล้วหรือ

แพรรี่ ไพรวัลย์ ถามถึง ครูบาไก่ ซ้อนท้ายเจ็ตสกีเหมาะสมแล้วหรือ

แพรรี่ หรือ ไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตมหาไพรวัลย์ที่เราหลายคนรู้จักกันดี ล่าสุด ได้ออกมาโพสต์ตั้งคำถามถึงครูบาไก่ จากกรณีที่ ครูบาไก่ พระดังขอนแก่นโดนขุดรูปที่ไม่เหมาะสมมาเผยแพร่ เป็นภาพขณะกำลังเล่นน้ำในบริเวณน้ำตก ที่มีชายหนุ่มห้อมล้อม รวมถึงภาพนั่งเจ็ตสกีซ้อนท้ายชายหนุ่มในทะเล งานนี้ทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก

เช่นเดียวกันกับ แพรรี่ ก็ได้โพสต์ข้อความร่ายยาว ผ่านเพจ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ระบุข้อความถามถึงครูบาไก่กับเหตุการณ์นี้ว่า สำหรับดิฉัน ปัญหาเรื่องครูบาไก่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าท่านจะไปนอนแช่น้ำตกที่ไหน ขี่เจ็ทสกีซ้อนท้ายหนุ่มหล่อยังไง ดิฉันไม่สนใจค่ะ ต่อให้เห็นภาพเหล่านี้แล้วจะรู้สึกว่า สิ่งที่ท่านทำอยู่นั้น เป็นเรื่องเสียอาจาระ และไม่ควรแก่สมณสารูปแค่ไหนก็ตาม ดิฉันจะไม่สนใจเลยนะคะ ถ้าครูบาไก่ ไม่ใช่พระที่ถูกยกย่องให้เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นเกจิอาจารย์ มีหูทิพย์ตาทิพย์ (หนักเข้าถึงกับบางคนบอกว่าเป็นพระอรหัน) ให้เป็นพระที่มีสตอรี่หรือเรื่องเล่าในทางวัตรปฎิบัติมากมายไปหมด

ดิฉันจะไม่สนใจค่ะ ถ้าครูบาไก่ เป็นเพียงพระหนุ่มทั่วๆ ไปรูปหนึ่ง พระซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้พยายามด้วยตนเอง (หรือมีคนอื่นพยายาม) ทำให้ชาวพุทธบางส่วนเข้าใจว่า ท่านมีคุณวิเศษ ท่านมีวัตรปฎิบัติที่ดี เป็นพระซึ่งควรแก่การที่ฆราวาสจะกราบไหว้บูชาได้อย่างสนิทใจ ปัญหาของดิฉัน หรืออาจของใครหลายคนในตอนนี้ด้วย อยู่ที่ว่า ตกลงแล้ว ภาพลักษณ์ที่ครูบาไก่สร้างขึ้นเพื่อต้องการให้ชาวบ้านเข้าใจ กับภาพลับที่มีคนขุดออกมาแฉ เป็นภาพเดียวกันหรือเปล่า ครูบาไก่เบื้องหน้า กับครูบาไก่เบื้องหลัง สะอาดบริสุทธิ์เหมือนกันหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ดิฉันสนใจและตั้งคำถามค่ะ

นักบวชบางพวกประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความเจริญงอกงามแห่งไตรสิกขา แต่นักบวชบางพวกแสร้งประพฤติพรหมจรรย์เพื่อหวังลาภสักการะ เลี้ยงปากท้อง พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ครูบาไก่ เป็นนักบวชอย่างไหนเจ้าคะ ดิฉันอยากถาม ในสังคมพุทธ ที่คนพุทธจำนวนไม่น้อย กระสันเสี่ยนอยากกราบไหว้พระอรหันต์ อยากทำบุญบูชากับพระที่มีอะไรมากกว่าวัตรปฎิบัติที่เรียบง่ายงดงาม เราก็คงจะเห็นพระแบบครูบาไก่อยู่เรื่อยๆ พระที่เบื้องหน้าแสร้งสงบเสงี่ยมชวนให้ศรัทธา แต่เบื้องหลังกลับไม่เคยปฎิบัติเพื่อการละตัณหาหรือกามคุณจริงๆ พระที่สวมแค่เครื่องแบบจีวร แต่ความจริงกลับรักษาศีลได้เท่าฆราวาส ก็คงจะมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ นะคะ ตราบใดที่สังคมพุทธ ยังคงมองพระว่า ใส่จีวร = ศักดิ์สิทธิ์

ซึ่งก่อนหน้านี้ แพรรี่ ก็ได้โพสต์ไว้ด้วยอีกว่า พระหลายรูปเดี๋ยวนี้ แค่หิริโอตตัปปะยังไม่มีเลย แล้วจะมีหน้ามาสอนฆราวาสญาติโยมยังไงคะ เป็นพระต้องมีลัชชีธรรมสิคะ คือมีความละอายในความผิดบาปแม้เล็กน้อย นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมพระถึงต้องปลงอาบัติทุกครั้งก่อนทำสังฆกรรม เพราะพระจะเป็นพระอยู่ได้ (หรือไม่ได้) ก็ด้วยความบริสุทธิ์ของศีลสิกขาบทเท่านั้น

ถ้าไม่มีความละอายใจหรือความบริสุทธิ์ในไตรสิกขา เขาเรียกว่า เป็นพวกอลัชชี แล้วพระส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ก็พึงใจที่จะเป็นอลัชชีซะด้วย ทำความผิดแล้วไม่ยอมรับเลยนะคะ ถ้าไม่จำนนด้วยหลักฐาน บางรูปถึงต่อให้ต้องปาราชิกแล้ว ก็ยังทำตัวเป็นตาลยอดด้วนที่ห่มผ้าเหลืองอยู่ อันนี้เลวร้ายมาก พระหลายรูปเห็นแก่ตัว ไม่แก่พระศาสนา คือทำผิดแล้วก็ยังปกปิดโทษของตัวเองเอาไว้ เห็นแก่ลาภสักการะที่คนถวายด้วยความเคารพศรัทธา ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้ประพฤติตนให้อยู่ในฐานะที่ควรแก่ลาภสักการะเหล่านั้น ดิฉันอยากฝากไปถึงพระหลายๆ รูปนะคะว่า ถ้ารู้ว่า ตัวเองเป็นคนสกปรกแล้ว เป็นคนด่างคนพร้อยแล้ว ต้องออกมาค่ะ พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่ประมาทแล้วกลับตัวไม่ประมาทภายหลัง ย่อมสว่างเหมือนดั่งพระจันทร์ที่พ้นจากเมฆหมอกได้

ภิกษุที่พ่ายแพ้ในทางพระธรรมวินัย แม้สละผ้าเหลืองออกมาเป็นฆราวาส ก็สามารถเป็นกัลยาณปุถุชชนที่ดีได้นะคะ เป็นอุบาสกที่ค้ำชูพระศาสนาได้ การฝืนประพฤติพรหมจรรย์ทั้งๆ ที่ต้องมลทินแล้วต่างหาก การหลอกลวงคนอื่นเลี้ยงชีพ การแสร้งประพฤติตนให้คนศรัทธา เป็นความเลวร้ายค่ะ เป็นความเสื่อมลงในทางกุศลเรื่อยๆ ของคนที่ทำแบบนั้น สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง ความสะอาดหรือสกปรก มีแต่คนเป็นเจ้าของตัวเท่านั้นที่ย่อมรู้อยู่แก่ใจของตัวดีค่ะ โกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้นะคะ คนโกหกแล้ว จะไม่ทำความชั่วอย่างอื่นต่อไปอีก ไม่มี พระพุทธเจ้าท่านเตือนไว้ เลิกโกหกหลอกลวงเถอะค่ะ

ขอบคุณภาพจากอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ค ไพรวัลย์ วรรณบุตร, paiwan_wannabud

เรียบเรียงโดย ทีมงาน สยามนิวส์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ