
หมอยง เผยคนไทยติดcv-19แล้ว 60-70% ชี้มีโอกาสติดซ้ำ
จากกรณี ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์เฟสบุ๊ค Yong Poovorawan โดยได้ระบุข้อความว่า
cv19 ประชากรไทยติดไปแล้วร้อยละ 60 ถึง 70 ยง ภู่วรวรรณ 7 ธันวาคม 2565
จากการศึกษาของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬา 2 โครงการ โครงการแรกเป็นการศึกษาในเด็กที่อายุ 5-6 ขวบ ในปีที่ผ่านมาโดยมีการตรวจ 2 ครั้งห่างกัน 1 ปี จำนวนประมาณ 190 คน พบว่าในช่วงปีที่แล้ว หรือยุคเดลตา เด็ก อายุนี้ใน กทม ติดcv-19ไปแล้วประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ (2564) แต่เมื่อมาถึงปีนี้ (2565) มาถึงเดือนนี้ พบว่ามีการติดcv-19ไปแล้วเพิ่มสูงขึ้นอยู่ระหว่าง 60 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของเด็กทั้งหมด และ ในจำนวนนี้ 35% เป็นการติดcv-19แบบไม่มีอาการ หรือไม่รู้ว่ามีการติด จากการซักประวัติ ไม่ทราบว่ามีการติด อ แต่การตรวจ พบหลักฐานของการติดcv-19 แสดงให้เห็นว่ามีเด็กจำนวนมากที่เกิดการติดไปแล้ว เป็นชนิดที่ไม่มีอาการ และไม่รู้ว่ามีการติดcv-19ไปแล้ว
ในขณะเดียวกันการศึกษาร่วมกับทางจังหวัดชลบุรี ทำการตรวจตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 80 ปี ขณะนี้ตรวจไปแล้ว ประมาณ 700 คน พบว่ามีการติดcv-19ไปแล้วจากหลักฐานของการตรวจcv-19 และประวัติการติด อยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 60-70 หลักฐานการตรวจ ถ้าติด มานานแล้ว โดยเฉพาะติด เกินกว่าหนึ่งปี อาจให้ผลเป็นลบได้ การติดcv-19ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในปีนี้ ในช่วงของการระบาดด้วยสายพันธุ์ โอมิครอน
เมื่อตรวจหาภูมิต้านทาน แอนติบอดี ที่เกิดจากการติดหรือจากวัคซีน จะพบว่าประชากรประมาณร้อยละ 95 มีภูมิต้านทานที่ตรวจพบได้ มากบ้างน้อยบ้าง โดยเฉพาะขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าระดับภูมิต้านทานสูงแค่ไหน จึงจะป้องกันหรือลดความรุนแรงของโsคได้ ประชากรส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดได้เคยสัมผัสหรือรู้จักไวรัสcv จากการติดcv หรือวัคซีนมาแล้ว จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ความรุนแรงของโsคลดน้อยลง
การติดcvมาแล้ว หรือได้รับวัคซีน ตรวจวัดภูมิต้านทานได้ ก็สามารถติดcvซ้ำได้อีก เราจึงเห็นผู้ที่ติดcvครั้งที่ 2 เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด โดยหลักการของระบบภูมิคุ้มกัน การติดcvครั้งที่ 2 น่าจะทำให้ความรุนแรงของโsคลดลง ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับสภาวะของร่างกายในขณะนั้นด้วย
เมื่อมีการติด ซ้ำได้ เป็นแล้วเป็นอีกได้ จึงมีเหตุผลเพียงพอสำหรับผู้ที่เคยฉีดวัคซีนครบ 3 ครั้งแล้ว หรือมากกว่า และฉีดวัคซีนมานานแล้ว หรือเคยติดเชื้อมาแล้ว และเว้นช่วงมานานแล้ว เช่นนานเกิน 6 เดือน ก็สามารถรับวัคซีน กระตุ้นเพื่อฝึกให้ระบบภูมิต้านทาน รับรู้ในเรื่องของการป้องกันลดความรุนแรงของโsค
วัคซีนแต่ละชนิด ประสิทธิภาพในการลดความรุนแรงของโsคไม่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งในการให้ และการป้องกันลดความรุนแรง จะได้ดีหลังจากฉีดในเดือนแรกๆ และภูมิจะลดลงตามกาลเวลา การให้เข็มกระตุ้น ควรเว้นระยะห่างจากครั้งสุดท้าย โดยหลักการแล้วยิ่งห่างยิ่งดี หรือรอให้ภูมิต้านทานลดลงก่อนแล้วค่อยกระตุ้น แต่ขณะเดียวกันถ้าเว้นนานเกินไป ก็จะเกิดการติดcv-19เสียก่อน ระยะเวลาที่ผู้ได้รับครบ 3 หรือ 4 เข็มแล้ว หรือติดcv มารับการกระตุ้น ควรอยู่ที่ 6 เดือนหรือมากกว่า จะกระตุ้นระดับภูมิต้านทานได้ในระดับที่สูง ในกลุ่มเสี่ยงจะกระตุ้นเร็วกว่านี้สัก 1-2 เดือนก็มีสามารทำได้
เรียบเรียงโดย siamnews