
กำลังใจ หมอกฤตไท กับแฟนสาว
จากกรณี คุณหมอยังหนุ่ม อนาคตกำลังจะไปได้ดี แต่กลับพบข่าวร้าย เพจ สู้ดิวะ ซึ่งเป็นเพจของ หมอกฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี เล่าเรื่องราวเมื่อชีวิตต้องเจอกับมะ-เร็งปอด ระยะสุดท้าย ทั้งที่อายุยังน้อย โดยใจความระบุว่า สวัสดีครับ ผมเป็น มะ-เร็งປອດ
ครับ เรียกว่าหลังจากที่เป็นกระแสหลายวันกรณีที่ คุณหมอวัย 28 หรือ หมอกฤตไท ซึ่งทำงานและอาศัยที่ เชียงใหม่ สร้างเพจ สู้ดิวะ เพื่อเล่าเรื่องราวการป่วยมะเร็งและกำลังเข้าสู่การรักษา ล่าสุด เพื่อนของเขาได้แชร์ภาพของเขากับแฟนสาวซึ่งมีผู้แชร์และให้กำลังใจมากมาย
ภาพจาก เพจ สู้ดิวะ
ภาพจาก daradaily
ซึ่งเรื่องราวของคุณหมอหลังจากเผยแรพ่ออกไป ต่างก็มีชาวโซเชียลเข้ามาให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก
ภาพจาก daradaily
ภายหลังคุณหมอก็ได้โพสต์ข้อความระบุว่า สวัสดีครับ ผมขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ และขอบคุณคนที่ได้พลังไปจากโพสต์ของผมครับ จากใจเลยคือผมตกใจมากๆกับกระแสที่เกิดขึ้น ผมตั้งใจทำเพจนี้ขึ้นมาเพื่อจะรวบรวมความคิด มุมมอง และสิ่งที่ผมตกตะกอน เอาจริงๆคือเพื่อจะเอาไปเขียนเป็นหนังสือรวมเล่มสักเล่มนึง แค่นั้นเลยครับ ความตั้งใจของผม มีแค่การเขียนเล่าเรื่องราวและส่งต่อพลังให้กับคนอื่นเท่านั้นครับ แต่ผมจำเป็นต้องบอกตามตรงว่า ขณะนี้ผมเองอยู่ในกระบวนการรักษา ยังต้องรับยาเคมีบำบัด ณ วันที่พิมพ์อยู่นี้ ผมก็ยังคงปวดหัว อ่อนเพลีย ผมร่วง และภูมิคุ้มกันต่ำ
เหนือสิ่งอื่นใด ถึงผมจะดูจิตใจเข้มแข็งแค่ไหน แต่เรื่องทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นได้หนึ่งเดือนครับ ผมและครอบครัว รวมถึงเพื่อนสนิทเอง ก็ยังไม่ได้อยู่ใน สภาพที่พร้อมพอ ที่จะให้ทุกคนมาเยี่ยม ที่จะไปเจอทุกคนได้ครับ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจครับ รวมถึงสื่อต่างๆที่ให้ความสนใจ อยากจะสัมภาษณ์ผม โทรไปหาเพื่อน โทรไปหาครอบครัวผม และกำลังพยายามจะโทรหาผม ผมเข้าใจในมุมสื่อนะครับ ผมต้องขอโทษจากใจจริงๆที่คงไม่สะดวกไปสัมภาษณ์กับสื่อสำนักไหนครับ ผมดีใจมากๆครับที่เรื่องราวของผมสร้างแรงบันดาลใจและบางมุมก็ทำให้หลายคนอยากส่งกำลังใจกลับมาให้ผม อยากช่วยเหลือผม บางคนจะโอนเงินให้บ้าง จะบินมาหาบ้าง ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับ แต่ในมุมคนรับอย่างผม ผมอยากบอกว่าชีวิตปกติของผม มันโอเคมากๆแล้วครับ ผมมีความสุขดีมากๆ
ดังนั้น ผมอยากจะแค่ขอพื้นที่ส่วนตัว ให้ผมได้ใช้เวลาชีวิตของผมแบบสุขสงบต่อไป เพื่อที่ผมจะได้มีพลัง มาบอกเล่าเรื่องราวดีๆต่อไปครับ ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจและพยายามจะเข้าใจครับ
ขอบคุณ เพจสู้ดิวะ และภาพจาก daradaily