ทนายเสี่ยโลจิสติกส์ เผยหลักฐาน หนังคนละม้วน อยู่กันมา 6 ปี กินเที่ยวด้วยกัน

ทนายเสี่ยโลจิสติกส์ เผยหลักฐาน หนังคนละม้วน อยู่กันมา 6 ปี กินเที่ยวด้วยกัน

เรียกได้ว่าสังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมากสำหรับ กรณีของ สาวทอมเข้าร้องเรียนว่าถูกนายจอและ น.ส.บอ สองสามีภรรยาเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แห่งหนึ่ง บังคับให้อยู่กันแบบ 3 คนผัวเมีย โดยมีการเซ็นสัญญา ซึ่งต่อมาฝ่ายนายจอ ผู้ถูกกล่าวหา ได้ชี้แจงว่ามีการทำหนังสือสัญญาอยู่ร่วมกันโดยสมัครใจยินยอมกันทั้ง 3 คน เพราะ น.ส.บอ แอบไปคบหา น.ส.ปลา สาวหล่อ ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว นั้น

ภาพจาก nationtv

ล่าสุดวันที่ 11 พ.ย. 65 น.ส.ปลา อายุ 32 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้แต่งตั้งทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ให้มาดูแลคดีให้ เพราะที่ผ่านมาคู่กรณีเลี้ยงดูเหมือนเป็นภรรยาอีกคน แต่ตนไม่ได้ยินยอมต้องฝืนใจทำไหลไปตามน้ำด้วยความจำนน เพราะโดน ตามไปถึงที่บ้าน ทำทุกอย่างให้ตนเสียหาย ส่วนเรื่องสัญญาที่คู่กรณีอ้างว่า ตนเป็นคนให้ทำขึ้นมานั้น อยากถามว่าตนมีหนี้ 5 แสน จะเซ็นสัญญาผูกมัดตัวเองทำไม ยืนยันว่าไม่ได้ให้ทำสัญญาขึ้นมา อยากให้ปล่อยกันไปต่างคนต่างใช้ชีวิต เรื่องคดีเป็นไปตามกฎหมาย สาวหล่อยังบอกอีกว่า ตนไม่ได้ชอบผู้ชายเพราะชอบผู้หญิงมาตลอด และไม่ได้แสดงออกว่ามีความรักกับคู่กรณีตนชัดเจนมาตลอด

ขณะเดียวกันวันนนี้ ทีมข่าวได้รับคลิปเสียงเพิ่มเติม ซึ่งเป็นบทสนทนาของ

น.ส.ปลา สาวทอมผู้เสียหาย ได้มีการพูดคุยสนทนากับนายจอ โดยคลิปแรกมีความว่า

น.ส.ปลา : ไม่อยากอยู่อย่างนี้แล้วค่ะ

นายจอ : ประเด็น เราต้องคุยกันไม่ใช่หรอ

น.ส.ปลา : ก็คุยทางนี้ก็ได้ค่ะ พี่ก็รู้ ว่าหนูไม่เต็มใจแต่แรก

นายจอ : อันนั้นจบไปแล้วแหละ

น.ส.ปลา : ต้องฝืนใจมา ตลอด นายจอ : งั้นก็มาคุยกันสิ

น.ส.ปลา : ไปคุยก็ไม่จบ เคสคุยแล้ว พี่ไม่ยอมปล่อยหนู

นายจอ : แล้วคิดว่าทำแบบนี้ จะปล่อยหรอ

น.ส.ปลา : ก็ไม่เคยเต็มใจเลยสักครั้ง ก็รู้ หนูเป็นแบบนี้ ชอบผู้หญิง ไม่ได้ชอบผู้ชาย ความเครียดสะสมต้องกินยานอนหลับทุกวัน เป็นซึมเศร้า ไม่อยากอยู่ พี่ไม่ยอมปล่อยหนูต้องทำยังไง

นายจอ : อยู่กับมันให้ได้ไง

น.ส.ปลา : ถ้าวันหนึ่งหนูท้อง หนูไม่ต้องการแบบนั้น ทำไมไม่ป้องกัน ไม่เคยสนใจว่าหนูจะรู้สึกอย่างไร แล้วถ้าท้อง จะยังไงต่อ

นายจอ : ก็เลี้ยงไง

น.ส.ปลา: มันไม่เต็มใจไง ยังไง พี่ก็ไม่ปล่อยใช่ไหม

นายจอ : ใช่

น.ส.ปลา : ก็ปล่อยไปสิ

นายจอ : แค่ไม่อยากอยู่กับเขา ใช่ปะ ผมปล่อยพวกคุณอยู่ด้วยกันแล้ว

น.ส.ปลา : มันไม่เกี่ยวเลย ไม่ได้อยากอยู่กับอะไรแบบนี้แล้ว มันแบบต้องมีอะไรกับทั้งคู่ แบบนี้มันใช่หรอ

นายจอ : แล้วปกติ เขาได้หรอ

น.ส.ปลา : ใช่ มันได้หรอ มันรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้ไง มันคือการฝืนใจอะ

นายจอ : มันไม่ได้เป็นทั้งหมด 24 ชั่วโมง

น.ส.ปลา : พี่ก็พูดไปงั้นแหละ เช้า สาย บ่าย เย็น พี่ก็ทำ

น.ส.ปลา : ที่พี่พูดเป็นเมียพี่ เมียพี่ มันไม่ใช่ไง

นายจอ : ก็มันใช่อยู่แล้วไง หรือไม่ใช่ตรงไหนอะ ก็มันใช่อะ

น.ส.ปลา : โดยที่ไม่เต็มใจ เนี่ยนะ พอมันเป็นแบบนี้ พี่ไม่ยอมปล่อย เอาเรื่องเงินมาอ้างอีก

นายจอ : ไม่มีทางปล่อยไง รู้อยู่แล้ว ถ้าจะปล่อย จะปล่อยเอง

น.ส.ปลา : ถ้าพี่อยากได้เงินคืนหนูก็จะคืน

นายจอ : ทำไม

น.ส.ปลา : ขอแค่ปล่อยได้ไหม ขอเป็นอิสระ

นายจอ : ทำไม ไปเจอผู้หญิงคนใหม่หรอ

น.ส.ปลา : ไม่ใช่

นายจอ : เขาพร้อมเปย์หรอ

น.ส.ปลา : หยุดดูถูกกันได้แล้วค่ะ

นายจอ : อะ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมา จ่าย

ด้าน ทนายพิศิษฐ์ ศรีสังข์ ทนายความของคู่กรณีเปิดเผยว่า เรื่องราวทั้งหมดที่สาวหล่อให้ข้อมูลกับสื่อก็มีส่วนที่ตรงกับข้อมูลที่ทางทนายรับรู้มาแต่มีบางเรื่องที่ไม่ตรงกัน ซึ่งสุดท้ายเชื่อว่าสามารถเชื่อได้จากพยานหลักฐานที่มี ซึ่งต้องนำไปพิสูจน์ในชั้นศาล ส่วนคลิปเสียงต่างๆที่ออกมากอยากจะเรียนให้ทราบว่านั้นเป็นแค่บางส่วนของคลิป ซึ่งควรดูข้อมูลทุกบริบท ซึ่งหากจะพูดความสัมพันธ์ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของครอบครัวที่มีมานานกว่า 6 ปี แสดงว่ามีความรักและความผูกพันกัน ส่วนที่ไปแจ้งความดำเนินคดีนั้น เชื่อว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ไม่น่าจะเป็นไปในรูปแบบที่สาวหล่อแจ้งความดำเนินคดีซึ่งหลักฐานทั้งหมดศาลก็จะเป็นคนตัดสินเอง

ภาพจาก nationtv

ตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ไม่กล้าที่จะฟันธงได้ว่าเรื่องรวมทั้งหมดเป็นจริงหรือไม่ แต่เท่าที่ได้พยานหลักฐานตอนนี้ค่อนข้างก็เชื่อในคำให้การของ 2 สามีภรรยา ส่วนสัญญาที่เขียนขึ้นอยากให้สังคมมองที่เนื้อหามากกว่าคำพูดของคน ส่วนใหญ่สัญญาจากที่อ่านเป็นการปกป้องฝ่ายสาวทอมมากกว่า ซึ่งสัญญาในลักษณะนี้ไม่ได้ให้ทนายความเป็นคนร่าง ซึ่งไม่สามารถใช้บังคับได้

ภาพจาก nationtv

ตามหลักกฎหมายนิติกรรมที่ขัดต่อกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีเป็นโมฆะอยู่แล้ว ซึ่งบางข้อก็เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เช่น บังคับให้อยู่กินกัน 3 คน อยากให้สังคมพิจารณาว่าการเดินทางไปในที่ต่าง ๆ หากไม่สมยอมคงไม่สามารถที่จะเดินทางกันไปในสถานที่ต่าง ๆหลายที่แบบที่ทั้ง 3 คนทำซึ่งทางทนายมีข้อมูลเชิงลึกกว่านั้นแต่ขอเก็บไว้ในชั้นศาล หากความประสงค์ของสาวหล่อที่อยากจะฉี กสัญญาหรืออยากออกจากลูกความของตนก็ยินดีซึ่งเรื่องดังกล่าวสามารถพูดคุยหาทางออกร่วมกันได้

โดยที่ไม่ต้องเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งสามีภรรยาเองก็บอกว่ารักสาวทอมจริง ๆ อยู่กันด้วยความรัก ถ้าไม่รักคงไม่ซื้อของหรือให้เงินมากขนาดนี้ ตัวเองก็บอกลูกความหลังจากนี้หากพูดคุยกันลงตัวก็ไม่จำเป็นต้องฟ้องร้อง อยากจะฝากถึงสาวหล่อและทนายไพศาลว่า อยากให้มาคุยกันก่อนให้เรื่องมันจบได้ดี จากคำพูดของสาวหล่อตัวเองก็ยังคงย้ำชัดว่าไม่ค่อยเชื่อเนื่องจากมีพยานหลักฐานที่แน่ชัดกว่า ส่วนสามีภรรยาขณะนี้รับว่ามีความเครียดมาก

ภาพจาก nationtv

ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ เผยถึงกรณีสัญญาหรือข้อตกลงของนายจอกับ น.ส.บอ และสาวทอม ว่าสัญญาหรือข้อตกลงที่ทำขึ้นให้มีการคบหากัน 3 คน หรือชาย 1 หญิง 2 นั้น แบบนี้เป็นสัญญาที่ฝ่าฝืนกฎหมายและศีลธรรมอันดี ไม่สามารถบังคับได้ตามกฏหมาย และเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา150 ใช้บังคับไม่ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะส่วนใดส่วนหนึ่งก็ไม่สามารถบังคับได้

และกรณีการฟ้องร้องต่อกันไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายฟ้องสาวทอม กรณีเชิงชู้สาวที่เข้ามายุ่งกับภรรยาของตนเองนั้น ทนายเกิดผลเผยว่า ไม่สามารถฟ้องได้ เนื่องจากสามีและภรรยาคู่นี้ได้มีการฟ้องหย่าตามข้อมูลที่ทราบมาก่อนหน้านี้ และแม้ว่าจะย้อนกลับมาคบหาและอยู่กินกันแต่ไม่ได้มีการจดทะเบียน ฉะนั้นแม้ว่าตัวของสาวทอมจะคบหาก็ไม่เป็นการละเมิด หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นการละเมิด เพราะเกิดจากการยินยอมทั้ง 3 ฝ่ายแล้ว ดังนั้นความยินยอมจึงไม่เป็นเหตุของคำว่าละเมิด

ทั้งนี้ภายในข้อตกลงหรือสัญญาฉบับดังกล่าว มีการระบุซึ่งเป็นการเขียนลายมือและลงมือชื่อกำกับเอาไว้ โดยข้อ 5 มีการพูดถึงหากบุคคลใดทำให้เสียชื่อเสียงหรือมีการทำร้ายร่างกายจะถูกฟ้องดำเนินคดีและเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท นั้น กรณีนี้สัญญาหรือข้อตกลงนี้ถือเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น จึงไม่สามารถที่จะดำเนินการฟ้องร้องแก่บุคคลใดได้ ยกเว้นทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลจึงจะมีการดำเนินการเรียกร้องในข้อหาหมิ่นประมาทแทนได้ หรืออาจเกี่ยวข้องในเรื่องของการให้ข้อมูลจึงนำมาสู่การแจ้งความเท็จก็เป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม ทนายเกิดผล ยังเผยอีกว่า กรณีการทำข้อตกลงหรือสัญญาตามกฎหมายเพื่อเปิดช่องว่างให้คนอยู่กินกัน 3 คน ยังไม่มีเกิดขึ้นและยังไม่ถูกรองรับ ถือว่ายังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและผิดศีลธรรมทำอันดี แต่ทั้งนี้เป็นเรื่องของความสมัครใจมากกว่า ที่จะกระทำได้ แต่อย่าลืมว่าความสมัครใจไม่ได้เรียกว่าละเมิด

ขอบคุณจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ