หลังจากก่อนหน้านี้โลกโซเชียลมีแชร์โพสต์ของ หมอก้อง ที่ได้ฟาดลอยๆถึงบุคคลหนึ่ง พร้อมชื่นชมนักแสดงหนุ่ม โตโน่ ภาคิน ที่ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขง

คลิป

เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ หมอริท ได้โพสต์แสดงความยินดีกับพี่ชายคนสนิท โตโน่ ที่ทำโครงการว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงเพื่อระดมเงินบริจาคได้สำเร็จ

แต่หมอริทฝากข้อความให้คิด ถ้า โตโน่ จะว่ายน้ำ 10 รอบ และได้เงินเป็นพันล้าน แต่หมอและพยาบาลก็เหนื่อยเท่าเดิม ถ้าไม่แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะคนบางกลุ่มไม่ใส่ใจสุขภาพ ทำให้คนต้องมาโรงพยาบาลกันเยอะซึ่งทำให้หมอต้องทำงานหนัก แต่ยังได้ค่าตอบแทนเท่าเดิม ทุกวันนี้หมอไทยยังต้องทำงานเกินเวลาตามระเบียบกำหนด

เช่นเดียวกันหมอก้องก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความ พร้อมชื่นชม โตโน่ ในทำนองว่า พูดเพื่ออะไร หวังดีหรอมันใช่เวลาไหม ใครทำอะไรได้ก็ช่วยกันสิ จะรอคนโน้นคนนี้มาทำทำไม คนมีหน้าที่หลักๆ เค้าก็ทำอยู่ ไม่ใช่ไม่ได้ทำ อย่าอคติ

เพียงแต่อาจจะทำได้ยังไม่ถึงระดับที่น้องพอใจ จากหนึ่งคนเป็นหลายๆ คน ช่วยกันบริจาค ก็การบริจาคเป็นทางที่พวกเขาสามารถช่วยได้ไง เขาเลยทำจะให้ เขาไปแก้ไขโครงสร้างสาธารณสุขหรือไง ไม่เห็นด้วยก็น่าจะเฉยไว้ คนที่เค้าทำ เค้ายอมเหนื่อยให้ส่วนรวม แม้คนที่ไม่เห็นด้วยกับกิจกรรม ด่าเค้าปาวๆ ก็ยังได้ประโยชน์ไปด้วย เพราะเขาทำ เพื่อส่วนรวม

จนชาวเน็ตแห่โยงว่า โพสต์ของหมอก้องฟาดถึง หมอริท หรือเปล่า แถมโลกโซเชียลยังมีการขุดยับถึงวีรก รรมในอดีตของ หมอก้อง ที่เคยบูลลี่และคอมเมนต์แรงๆในไอจีของนักแสดงหลายคน อาทิเช่น หมาก ปริญ หรือกระทั่ง เบลล่า ราณี

ล่าสุด หมอก้อง ออกมาเปิดใจทุกดราม่าทั้งหมด ผ่านรายการ ทั้งเรื่องที่ถูกแฉวีรกรรมอดีตและเรื่องที่ชาวเน็ตโยงฟาดหมอริทว่า เรื่องแรกที่หลายคนโยงฟาดถึงหมอริทนั้น

ซึ่งหมอริทเป็นคนน่ารักและที่สำคัญตนเองไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับหมอริทเลยแต่ที่โพสต์เพราะสะดุดเรื่องที่หมอริทพูดถึงประโยคบางประโยค ถ้าตนเองเป็นโตโน่แล้วเห็นข้อความนี้คงรู้สึกอึ้งและรู้สึกเสียใจทำไมเพื่อนมาพูดแบบนี้

จึงอยากให้หมอริทแยกประเด็นไปเลย เพราะ จุดสำคัญที่หมอริทพูดเป็นเรื่องโครงสร้างสาธารณสุขว่ามันควรดีกว่านี้ ซึ่งเเป็นเรื่องที่ดี แต่แค่มีความรู้สึกว่าอยากให้แยกประเด็นออกมาพูดเลย

ไม่ต้องมารวมกับโตโน่ ถ้าหากมารวมกับโตโน่มันต้องเป็นคนละเรื่องกัน ส่วนเรื่องที่ชาวเน็ตขุดวีรกรรมที่หมอก้องเคยบูลลี่นักแสดงด้วยกันในวงการบันเทิงนั้น

ด้านหมอก้องเผยว่า อะไรที่เราทำขึ้นมาแล้ว มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะฉะนั้นอีกหนึ่งปี สองปี หรือ สามปี เรื่องเหล่านี้จะถูกกลับมาพูดอีก แต่คราวนี้สิ่งที่ถูกเอากลับมาพูดอีกมันคือ สิ่งที่เกิดขึ้นผ่านไปแล้ว

และมีการอธิบายไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มันเป็นอะไร ซึ่งคนเหล่านั้นคือลักษณะเพื่อนคุยกับเพื่อน แต่เข้าใจว่าคนอื่นอาจจะเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ แต่ทั้งหมดก็จะแซวกันแบบนี้อยู่แล้ว เพราะ สนิทกัน