เงิบทั้งประเทศ หลังพากัน สงสารแม่ขโมยของเลี้ยงลูก 3

เงิบทั้งประเทศ หลังพากัน สงสารแม่ขโมยของเลี้ยงลูก 3

จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 26 ก.ย.65 หญิงแคดดี้ น.ส.มาริสา อินทนาถ อายุ 37 ปี ทำงานสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ถูกจับข้อหาขโมยผงชูรสและเครื่องปรุงรส ทั้งหมดราคารวม 300 บาท หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ของห้างแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณสี่แยกวัดพระญาติ ได้แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.พระนครศรีอยุธยา ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สำหรับ น.ส.มาริสา ได้มาลักขโมยสิ่งของในร้านไป โดยพฤติกรรมนั้นจะขับรถเวฟสีแดงเข้ามาจอดที่หน้าร้าน หลังจากนั้นจึงเดินเข้ามาซื้อของด้านใน และเดินวนไปวนมา จากนั้นก็ได้หยิบของซึ่งเป็นผงชูรสและเครื่องปรุงรส รวมทั้งขนมช็อกโกแลตใส่ไปในกระเป๋าด้วย แต่นำไปหลายอย่าง มาชำระสินค้าเพียงไม่กี่อย่าง เมื่อตรวจค้นพบและแจ้งความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ น.ส.มาริสา ยอมรับสารภาพ นั่งร้องไห้บริเวณด้านในห้างฯ กล่าวขอโทษไม่ให้เอาผิด เนื่องจากทำผิดไปแล้ว รวมทั้งที่ทำไปเพราะว่าเงินไม่เพียงพอกับการเลี้ยงดูลูกอีก 3 คน ยกมือไหว้ร้องไห้ขอโทษด้วยความน่าสงสาร

ล่าสุด วันที่ 27 ก.ย. 65 ทีมข่าว เดินทางไปยัง สภ.พระนครศรีอยุธยา ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางไปติดตามเรื่อง น.ส.มาริสา อินทนาถ อายุ 37 ปี เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ขี่รถออกมาจากบ้าน คิดอะไรไม่ออก ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูก ขี่รถวนไปวนมาจนน้ำมันหมด ไม่รู้จะทำยังไง จึงตัดสินใจเดินเข้าไปขโมยของที่บิ๊กซีมินิ

ตนยอมรับว่าตอนก่อเหตุ ตั้งใจจะขโมยแค่เครื่องปรุงอาหารที่พอจะเอาไปขายต่อร้านอาหารตามสั่งได้ เพื่อแลกกับเงินไปซื้อนมให้ลูก ซึ่งตอนนั้นกลัวมาก เดินวนไปวนมา คิดแล้วคิดอีกว่าจะก่อเหตุหรือไม่ กระทั่งถูกพนักงานจับได้เพราะตนเองมีพิรุธ เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้กินอะไรไม่ได้ เครียดจนไมเกรนขึ้น เพราะเป็นห่วงลูกมาก

ส่วนตัวเป็นคน จ.สุรินทร์ เดินทางมาหางานทำที่อยุธยา กระทั่งได้สามีและมีลูกด้วยกัน 3 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด คนโตอายุ 10 ขวบ คนกลางอายุ 8 ขวบ และคนเล็กสุดอายุ 4 ขวบ ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยก่อเหตุมาแล้ว 1 ครั้ง ไปขโมยนมมาให้ลูกกิน ตอนนั้นไม่ถูกจับเพราะว่าขโมยนมแค่กล่องเดียว จึงไม่มีพิรุธ

ยืนยันที่ต้องตัดสินใจก่อเหตุ เพราะหาเงินซื้อนมให้ลูกไม่ได้จริง ๆ ซึ่งส่วนตัวทำงานเป็นแคดดี้ก็จริง มีรายได้วันละ 400-500 บาท ต่อวันถ้าได้ออกรอบ แต่ช่วงนี้ฝนตก บวกกับนายที่ใช้บริการประจำไม่มาออกรอบ จึงไม่มีรายได้ ลูก 3 คนก็เรียน ตนหมดปัญญาหาเงินจริง ๆ ตอนนี้ทางบ้านรู้เรื่องเมื่อเช้า ซึ่งบ้านที่อยู่คือบ้านของพ่อสามี ที่ผ่านมาพ่อสามีก็ช่วยเหลืออยู่บ้าง แต่สามีไม่ช่วยเหลือเลย งานการก็ไม่ทำ เอาแต่นอนอยู่บ้าน ขนาดวันนี้สามีรู้ว่าเมียถูกจับอยู่ในคุก สามียังไม่มาเยี่ยมและไม่รู้สึกอะไรเลย ถามแต่เรื่องรถกับตำรวจว่าเอารถไปจอดไว้ที่ไหน ตนยอมรับว่าเสียใจมากที่สามีไม่มาดูดำดูดี ไม่มีอะไรจะพูดกับมัน พูดอะไรไม่ออก หากออกจากคุ กไปก็ขอกลับไปดูหน้าลูก แล้วก็จะตกลงกับพ่อสามีว่าใครจะเลี้ยงลูกต่อไป หากทางพ่อสามีไม่เลี้ยง ตนเองก็จะหอบลูกกลับไปเลี้ยงเองที่ จ.สุรินทร์ บ้านเกิด ขอสัญญากับสังคมว่าต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว

ขณะที่มีพลเมืองดี เป็นผู้หญิงชาว จ.พระนครศรีอยุธยา มานั่งรอเพื่อจะแจ้งความ แล้วมีโอกาสได้รับฟังปัญหาของ น.ส.มาริสา จนมีการเสนอตัวกับตำรวจว่าจะช่วยเสียค่าปรับให้ เนื่องจากเห็น น.ส.มาริสา นั่งร้องไห้กับตำรวจตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือในวันนี้ได้ เพราะการที่จะไปเสียค่าปรับให้กับผู้ต้องหา ตำรวจต้องนำตัวไปฝากขังต่อศาลก่อน น.ส.นิตยา หลีกพาล อายุ 43 ปี พลเมืองดี บอกว่า ที่ตนเองต้องเสนอตัวช่วยเหลือ น.ส.มาริสา ก็เพราะว่าได้รับฟังปัญหาแล้วเกิดความสงสาร ซึ่งเข้าใจหัวอกคนเป็นผู้หญิงด้วยกัน แล้วอีกอย่างตนเองก็เคยผ่านจุดที่ น.ส.มาริสา เป็นมาก่อน และเคยโดนผัวซ้อม หาทางออกไม่ได้ แต่ไม่เคยไปขโมยของใคร และก็อดทนจนผ่านช่วงปัญหาชีวิตมาได้ โดยวันพรุ่งนี้ตนเองมีการนัดหมายกับตำรวจว่าจะเดินทางไปส่งตัวฝากขังที่ศาลพร้อมกับ น.ส.มาริสา เพื่อไปเสียค่าปรับ ขอให้ศาลปล่อยตัว น.ส.มาริสา ออกมาเจอกับลูกที่รออยู่ที่บ้าน และพร้อมจะให้เงินค่ารถ หาก น.ส.มาริสา มีความประสงค์ที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.สุรินทร์ ทั้งนี้ อยากจะฝากถึงคนที่ดูข่าวนี้อยู่จะทำอะไรก็ขอให้คิดดี ๆ ทุกอย่างมีทางออก ขอให้ตัวเองอดทน ก่อเหตุไปถูกจับได้ก็เสียเวลา เสียอนาคต

ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของพ่อสามี น.ส.มาริสา ที่อยู่ใน ต.สามเมือง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 33 กิโลเมตร เป็นบ้านหลังใหญ่ที่ค่อนข้างจะมีฐานะ นายสุเทพ (นามสมมติ) พ่อสามีของ น.ส.มาริสา เปิดเผยว่า ส่วนตัวรู้เรื่องว่าลูกสะใภ้ถูกจับเมื่อช่วงเช้า เพราะมีเจ้าหน้าที่ พม. เข้ามาหาที่บ้าน ยอมรับว่าตกใจมากที่ พม. จะมาขอให้การช่วยเหลือหลาน 3 คนที่อยู่ในบ้าน ขอยืนยันว่า น.ส.มาริสา ไม่ใช่แม่ของหลาน และหลานทั้ง 3 คนเป็นลูกติดของลูกชายกับภรรยาเก่า

ที่ผ่านมา น.ส.มาริสา ก็ไม่เคยมาใช้ชีวิตอยู่กับหลานตนเอง เคยซื้อขนมมาให้หลานจริง แต่นาน ๆ ทีจะเข้ามาที่บ้าน ส่วนคำว่ากล่าวอ้างว่าไปขโมยของเพื่อหาเงินมาซื้อนมให้ลูก ส่วนตัวไม่เข้าใจว่าทำไม น.ส.มาริสา ถึงอ้างกับตำรวจและนักข่าวไปแบบนั้น จนทำให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าตนเองทิ้งหลาน

ทั้งที่ผ่านมาตนเองดูแลหลานทั้ง 3 คนเป็นอย่างดี ตนยอมรับว่า น.ส.มาริสา คบหากับลูกชายจริง แต่ไม่มีลูกด้วยกัน ที่ผ่านมาลูกชายไม่ค่อยจะอยู่ที่บ้าน ไม่ทำการทำงาน มีเมียไปทั่ว ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าลูกชายรู้เรื่องหรือยังว่าเมียของเขาไปก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ยืนยันตัวเองไม่เคยปล่อยให้หลานอดยาก จนต้องมีคนไปขโมยของมาซื้อนมให้หลาน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจว่าทำไม น.ส.มาริสา ถึงไปกุเรื่องขึ้นมาทำให้ครอบครัวของตนเองเสียหาย ส่วนเรื่องคดีก็ปล่อยให้ตำรวจดำเนินคดีไปตามกฎหมาย

ขอบคุณ ภาพและข้อมูลจากอัมรินทร์ทีวี 34

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ