เอ ไชยา รับเคยมีผู้หญิงอื่น พร้อมเผยฐานะครอบครัวภรรยาครั้งแรก

เอ ไชยา รับเคยมีผู้หญิงอื่น พร้อมเผยฐานะครอบครัวภรรยาครั้งแรก

ถือเป็นพระเอกลิเกหนุ่มขวัญใจแม่ยกตลอดกาล สำหรับ เอ ไชยา มิตรชัย โดยล่าสุด 4 กันยายน 2565 เจ้าตัวก็มาเปิดชีวิตหลังม่านที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเดินทางสายลิเก หรือชีวิตส่วนตัวและเรื่องครอบครัว ผ่านรายการ เม้าท์อยู่กับปากอยากอยู่กับคิ้ม EP.79 ทางช่องยูทูบ MY CHANNEL - OFFICIAL

ที่มี เจนนิเฟอร์ คิ้ม เป็นพิธีกร เอ ไชยา เล่าเส้นทางการเข้าสู่วงการเล่นลิเกว่า มาจากความชอบ เพราะพ่อกับแม่เป็นลิเก ก็ร้องรำทำเพลงกันอยู่ อีกทั้งเพื่อนบ้านบางบ้านก็จะเปิดเพลงลูกกรุง ลูกทุ่ง นิยายเกศทิพย์ ตอนเป็นเด็กได้ฟังก็ซึมซับมาหมด ได้เริ่มเล่นลิเกเป็นตัวลูกบ้างหรือนู่นนี่นั่นบ้าง มาเริ่มจริงจังตอน ป.4

เล่นลิเกเป็นพระเอก ได้ค่าตัว 20 บาท เพราะเป็นลิเกการกุศล แต่เล่นทีหนึ่งได้ข้าวสารกลับมาเป็น 100 กระสอบ อีกทั้งยังมีอาการแห้งและเสื้อผ้า เก็บเงินมาเรื่อย ๆ จนประมาณ ม.2 มาเปิดบัญชีดูมีเงินเป็นล้าน เพราะเล่นทั้งกลางวัน-กลางคืนรวม 400 กว่างานต่อปี เคยมีคนดูมากที่สุดเป็นหมื่นคน

ถึงขนาดวัดต้องพังรั้วเพื่อลิเกไชยากันเลยทีเดียว ส่วนเงินที่ได้มาก็เอาไปซื้อเครื่องสำอาง ใช้ของแบรนด์เนมหมด เสื้อผ้าก็เป็นคนออกแบบเอง นั่งรถมาซื้อผ้าที่พาหุรัดเอง เคยหมดเงินไปกับการตัดชุดแพงที่สุดประมาณ 700,000 บาท แพงไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว หมดตัว เพราะตัดทีละหลายชุด

มาถึงเรื่องชีวิตส่วนตัว เอ ไชยา ยอมรับว่ามีหลายใจบ้าง แต่ยับยั้งชั่งใจได้ ตอนนั้นกำลังวัยรุ่น แม่ยกแต่ละคนที่เข้ามาผิวพรรณดี ฐานะดีกันทั้งนั้น เป็นลูกหลานเจ้าของกิจการต่าง ๆ ครอบครัวหนึ่งที่พามาหลายคนก็รักตนหมด เปิดโอกาสให้คุยให้จีบกันเต็มที่ แต่ตนไม่เป็นแบบนั้น เพราะไม่มีเวลา

เมื่อถูกถามว่าไม่มีเวลาแล้ว หนูนา ภรรยาคนนี้ได้มายังไง เอ ไชยา บอกว่า พอมีเวลาแล้วก็ต้องรีบ โดยแม่ของภรรยาเป็นสายบุญและชอบเชิญลิเกไชยาไปช่วยงานบุญ ฐานะทางครอบครัวภรรยาสบายทั้งชาติ ส่วนทำไมต้องเป็นคนนี้ ตอนแรกที่เจอกันต่างคนต่างคิดว่าอีกฝ่ายหยิ่ง

สุดท้ายพอได้คุยกันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด คุยกันเป็นปีกว่าจะได้คบกัน แม้จะได้มาเป็นลูกเขยแล้ว แต่แม่ยายก็ยังจ้างให้ไปเล่นลิเก เจนนิเฟอร์ คิ้ม ถามต่อว่า แม่ยายทำอาชีพอะไร เอ ตอบว่า ที่ดินย่านสาทรเป็นของตระกูลแม่ยายหมดเลย แต่ตนไม่ได้คาดหวังตรงนั้น ยอมรับว่าเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรี

ส่วนเรื่องที่ไม่เปิดเผยว่าคบกัน เพราะมีคนในคณะลิเกอีกร้อยกว่าชีวิตที่ต้องดูแล หากินด้วยกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย จึงมีการตกลงกันในครอบครัวว่า อยู่กันได้ไหมแบบนี้ เราอยู่ของเราไปแบบนี้นะ ไม่ต้องไปคุยกับใครก็มีความสุขเล็กๆ ของครอบครัวเราแบบนี้ ทำให้คุณแม่ของภรรยาเคืองไปพักหนึ่ง

เรียกให้หนูนากลับบ้านพร้อมหลาน ๆ เพราะแม่ยายบอกว่าเลี้ยงได้ แต่หนูนาบอกว่าเลือกแล้ว จะทนเพื่อลูกด้วย ตอนที่เป็นสามี-ภรรยาแล้ว ตอนนั้นไม่ได้แต่งงานกัน ภรรยาไม่สามารถแต่งหน้า แต่งตัว หรือทาเล็บได้ เพราะคนจะเริ่มจับจ้อง ตอนนั้นสงสารภรรยามาก แต่ตนก็ขอไว้

อยากทำให้ภรรยาไม่ต้องเป็นที่สังเกตของใคร อยู่นิ่ง ๆ ไปเหมือนผู้ติดตาม รับบทเลขา ซึ่งระหว่างนั้นก็มีผู้หญิงเข้ามาคุยด้วย แต่ก็เป็นการทำเพื่องาน ซึ่งภรรยาก็ไม่เคยถาม ไม่เคยหวง ยอมรับว่ารู้สึกผิดที่นอกลู่นอกทาง คุยโทรศัพท์ทีนาน 3-4 ชั่วโมง มีประมาณ 2-3 คนได้

เคยแอบคิดว่าอยากมีภรรยาอีกคน ซึ่งภรรยาก็รู้ว่าคุยกับผู้หญิงอื่นแต่ไม่พูด แถมทางบ้านฝ่ายหญิงอีกคนก็รับได้ที่ลูกจะเป็นเมียน้อย จนเกือบจะไปจดทะเบียนแล้ว แต่กลายเป็นว่าไม่เอาดีกว่า สงสารลูกภรรยา เพราะเห็นภาพที่ภรรยาพาลูกขึ้นไปเลี้ยงบนเขาเพื่อหลบข่าว

เรียบเรียงโดย ทีมงาน siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ