ครูฝ่ายปกครอง พาชี้จุดพบน้องฟิล์มในป่า ขณะนั้นยังมีลมหายใจ

ครูฝ่ายปกครอง พาชี้จุดพบน้องฟิล์มในป่า ขณะนั้นยังมีลมหายใจ

วันที่ 3 ก.ย.65 กรณี น.ส.นิชาดา หรือฟิล์ม อายุ 17 ปี นักเรียน ชั้น ม.6/6 โรงเรียนมัธยมสตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เสียชีวิตอยู่ป่าข้างโรงเรียนอย่างปริศนา หลังจากครูฝ่ายปกครองของโรงเรียน เป่านกหวีดไล่กวดให้ไปร่วมกิจกรรมสวดมนต์ ซึ่งเป็นช่วงคาบเรียนสุดท้ายของวันศุกร์เวลาประมาณ 15.30 น.(2 ก.ย.)

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุครอบครัวน้องฟิล์ม ต่างตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมครูโรงเรียนจึงไม่แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ กลับเป็นหมอของโรงพยาบาลสตึก เป็นคนแจ้งว่าน้องเสียชีวิตแล้ว ทั้งยังไม่มีครูคนใด เข้าไปชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ล่าสุดนายนิรุส ศาลางาม อายุ 40 ปี และนางนุชจิรา ศาลางาม อายุ 38 ปี สองสามีภรรยา บ้านเลขที่ 38 ม.10 ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พร้อมญาติกว่า 20 คน เข้าไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณของน้องฟิล์ม บริเวณป่าข้างโรงเรียนตามประเพณี ช่วงนั้นได้มีครูของโรงเรียนไม่พอใจที่มีนักข่าวเข้ามาในโรงเรียน เพราะเกรงว่าโรงเรียนจะเสียชื่อเสียง

จากนั้นนายปณิธาน สุดชนะ อายุ 35 ปี ครูฝ่ายปกครอง และเป็นครูที่ตามหาเด็กเข้าไปสวดมนต์ พาไปชี้จุดที่เจอน้องหมดสติในป่า พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ในวันศุกร์ว่า คาบสุดท้ายของวันศุกร์ โรงเรียนจะมีกิจกรรมสวดมนต์ แต่มักจะมีเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งไม่ชอบร่วมกิจกรรม

ตนเองซึ่งอยู่ฝ่ายปกครอง จึงใช้วิธีต้อนให้เข้าไปสวนมนต์ แต่วันนั้นมีเด็กนักเรียนมากกว่า 10 คน ที่ไม่ยอมขึ้นไปสวนมนต์ จึงใช้นกหวีดเป่า แต่เด็กกลุ่มนี้ได้วิ่งหนีกันชุลมุน กลุ่มหนึ่งวิ่งเข้าป่า จึงออกไปตามกระทั่งเห็นน้องฟิล์ม นอนหมดสติในท่าตะแคงอยู่ในป่า ห่างจากโรงเรียนประมาณ 300 เมตร แต่ยังมีลมหายใจ

จึงพยายามอุ้มน้องออกจากป่าแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้แจ้งผู้ปกครองทราบ เพราะไม่รู้ว่าเด็กชื่ออะไร เพราะวันศุกร์เด็กจะใส่เสื้อยืดกิจกรรม ไม่มีชื่อระบุ

ด้านนางนุชจิรา ศาลางาม แม่น้องฟิล์ม บอกว่า ตนมีลูก 2 คน น้องฟิล์มเป็นคนโต คนเล็กเป็นผู้ชายกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวคิดว่าลูกสาววิ่งระยะไกล

สำหรับโรคประจำตัวที่มีคนสงสัย ตนไม่เชื่อว่าลูกสาวมีโรคประจำตัว เพราะที่ผ่านมาลูกสาวไม่เคยเอ่ยปากว่าเจ็บปวดตรงไหน นางนุชจิรา บอกด้วยว่า ที่ผ่านมามักจะเห็นเด็กนักเรียนมัธยมสตึก

ออกไปเที่ยวเตร่ตามตัวอำเภอในช่วงเวลาเรียนเป็นประจำ อยากให้โรงเรียนเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะโรงเรียนไม่มีรั้ว ทำให้เด็กออกทางไหนก็ได้ เช่นเดียวกับลูกสาวที่เสียชีวิต เพราะวิ่งออกจากโรงเรียนได้ง่ายเนื่องจากไม่มีรั้ว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ