สาวทนไม่ไหวจบรัก 7 ปี หลังแฟนทำงานมา 5 ปี เงินเดือนแค่ 3 หมื่น จะเอาอะไรกิน

สาวทนไม่ไหวจบรัก 7 ปี หลังแฟนทำงานมา 5 ปี เงินเดือนแค่ 3 หมื่น จะเอาอะไรกิน

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 เว็บไซต์ ETtoday เผยเรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่ง เมื่อเร็ว ๆ นี้เธอได้ออกมาระบายความทุกข์ใจผ่านทางชุมชนออนไลน์ของไต้หวัน เผยว่า เธอคบกับแฟนหนุ่มคนหนึ่งมานานถึง 7 ปีแล้วด้วยกัน จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อนได้ตัดสินใจจบความสัมพันธ์ ไม่ใช่เหตุเพราะความเข้ากันไม่ได้ หรือมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน แต่เป็นเพราะเงินเดือนของเขาต่ำเกินไป หญิงสาวเผยว่า เธอและเขาเรียนจบมาพร้อมกัน ตอนเริ่มทำงานเงินเดือนของทั้งสองก็เท่ากัน แต่หลังจากผ่านไปนาน 5 ปี เงินเดือนของเขายังแค่ 30,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 35,000 บาท) ซึ่งเป็นเงินเดือนที่น้อยมากสำหรับเธอ เพราะขนาดตัวเธอเองยังมีเงินเดือนมากกว่าเขาถึง 2 เท่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นคง

ทุกครั้งที่เราออกเดต กินและเที่ยว เราก็ต้องมานั่งคิดคำนวนเงินกัน คอยเป็นกังวลเรื่องรายจ่าย" หญิงสาว กล่าว

ทั้งนี้ หญิงสาวเผยว่า เธอเคยลองคุยกับแฟนของเธอ โน้มน้าวให้เขาลองเปลี่ยนงานใหม่เพื่อรายได้ที่ดีกว่าเดิม แต่เขากลับบอกเธอว่า "แค่นี้ก็พอ" หญิงสาวคิดว่า หากในอนาคตเมื่อแต่งงานกันไป เขายังคงมีวิสัยทัศน์ในการดำเนินชีวิตเช่นนี้ เห็นทีว่าคงจะไปกันไม่รอด เธอจึงเลือกที่จะเลิกรากันดีกว่า

ฉันเลิกกับแฟนเพราะเงินเดือน มันเกินไปหรือเปล่า หญิงสาวถามความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ ในโซเชียล

ภายหลังจากเรื่องราวของเธอถูกแชร์ไป ก็กลายเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ เข้าไปถกเถียงกันเป็นจำนวนมาก โดยฝ่ายหนึ่งเข้าใจหญิงสาว กล่าวว่า

เงินเดือน 30,000 ก็น้อยไปจริง ๆ

การแต่งงานไม่ใช่แค่ความรัก ต้องอยู่บนพื้นฐานความจริงและความสมเหตุสมผล

อย่าเสียเวลากันต่อไปโดยไม่มีอนาคต คุณคิดถูกแล้ว

เงินเดือน 30,000 ต้องหักภาษี ค่าประกันสุขภาพ พูดตรง ๆ มันต่ำเกินไป

เขาติดความสบายอยู่ในคอมฟอร์ตโซน จนไม่คิดถึงอนาคตร่วมกัน

ประเด็นไม่ใช่เงินเดือน แต่เขาไม่รู้ว่าจะเติบโตอย่างไร

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายมองว่าหญิงสาวทำเกินไปที่เอาแต่เรื่องเงินมาตัดสินใจ โดยกล่าวทำนองว่า "ลองคิดกลับกัน หากผู้หญิงเงินเดือนแค่ 30,000 แล้วผู้ชายเงินเดือนมากกว่า 2 เท่า คิดว่าเขาจะเลิกกับเธอไหม เป็นเพราะคุณกลัวตัวเองไม่สบายหรือเปล่า ถึงสนใจแต่ว่าอีกฝ่ายได้เงินน้อย

ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ