เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผู้ว่าคนเก่งที่ก่อนหน้านี้มีเรื่องราวของบ้านที่ต่างประเทศซึ่งหลังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม. กรณีเข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 มีทรัพย์สิน 42,852,348.60 บาท ไม่มีมีหนี้สิน

แต่ที่เป็นกระแสฮือฮา ทำเอาหลายคนงง หลัง นายชัชชาติ ได้ระบุสถานภาพ หย่า กับคู่สมรส มาครบ 5 ปีแล้ว โดยระบุวันหย่าไว้เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2560 ซึ่งคนในแวดวงสังคมการเมืองสังเกตเห็นว่า นายชัชชาติ ออกงานสังคมโดยปราศจากภรรยาเคียงคู่ตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

โดยเฉพาะในงานรับปริญญาของลูกชาย นายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ หรือ แสนดี ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ไร้วี่แววภาพครอบครัว มีแต่เพียงภาพ ชัชชาติ ถ่ายคู่กับลูกชายคนเดียว ไม่ปรากฏภาพของภรรยา

ชัชชาติ มักพูดถึงผู้หญิงที่สำคัญและเป็นแรงบันดาลใจ เป็นกำลังใจให้ คนแรกคือ นางจิตต์จรุง สิทธิพันธุ์ ผู้เป็นมารดา และ รศ.ดร.ปรีชญา สิทธิพันธุ์ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พี่สาว ส่วนของคู่สมรสที่อยู่กินฉันภรรยา นางปิยดา หรือ นางปรมินทร์ทิยา นั้น นายชัชชาติเคยพูดถึงไว้ว่า ผมรักตรงที่เขาเป็นคนเรียบร้อย เรียบง่าย และเขาก็รักเรามาก คอยดูแลเรา และลูกอย่างดีมาก ๆ ในช่วงเวลาที่นายชัชชาติดำรงตำแหน่งทางการเมือง

น้อยคนนักที่จะได้เห็นหน้าภรรยาที่ระบุไว้ในประวัติเพียงว่า สมรสกับ ปิยดา สิทธิพันธุ์ นามสกุลเดิมอัศวฤทธิภูมิ พนักงานการบินไทย ซึ่งทั้งคู่พบกันตอนเรียนจบที่ต่างประเทศ ซึ่งในขณะนั้น นางปิยดา ยังทำหน้าที่เป็นแอร์โฮสเตสอยู่ นางปิยดา ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น

นางปรมินทร์ทิยา สิทธิพันธุ์ ผู้มีชื่อในฐานะเจ้าของบ้านในสหรัฐอเมริกา ราคาประเมินจากฐานภาษี 1.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 58 ล้านบาท ขณะที่ราคาในท้องตลาดอยู่ที่ 2.2 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 72 ล้านบาท และมีการโอนให้เป็นชื่อ นายแสนปิติ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565

ก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.18 วัน ซึ่งบุคคลใกล้ชิดให้ข้อมูลว่าภรรยานายชัชชาติใช้ชีวิตอยู่กับลูกในสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งล่าสุด ชัชชาติ แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรกับกรรมการ ป.ป.ช. ว่า หย่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทำให้บัญชีทรัพย์สินของ ชัชชาติ

ล่าสุดจากเคยมีรวมกันกับภรรยากว่า 106 ล้านบาท เมื่อปี 2558 เหลือเพียง 42 ล้านบาท แต่หากนับของ ชัชชาติ คนเดียว ในปี 2558 มีกว่า 73 ล้านบาท ปัจจุบันถือว่าลดลง 31 ล้านบาท

เรียบเรียงโดย ทีมงาน siamnews