ทำเอายายเข่าทรุด หลังรู้ว่าหลานสาวโดนออกหมาย เผยเพิ่งซื้อบ้าน 60 ล้าน

ทำเอายายเข่าทรุด หลังรู้ว่าหลานสาวโดนออกหมาย เผยเพิ่งซื้อบ้าน 60 ล้าน

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่หลายคนนั้นให้ความสนใจกันเป็นอย่างมากจากกรณีข่าวที่ตำรวจสิงคโปร์ได้ออกหมายหนุ่มสิงคโปร์และสาวไทย คือ นายพี เจียเผิง ชาวสิงคโปร์ อายุ 26 ปี และนางสาวศิริวิภา พันสุข หรือ แอน อายุ 27 ปี สองสามีภรรยาที่โกงนาฬิกาหรูและสินค้าแบรนด์เนมจากลูกค้า เป็นมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท

ซึ่งทั้งคู่หลบหนีหลังได้รับการประกันตัว และคาดว่าหนีมากบดานที่ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด 22 กรกฎาคม 2565 ช่อง 3 รายงานว่าหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์นั้น ก็มีข้อมูลว่า บ้านเดิมของ นางสาวศิริวิภา อยู่ย่านตลาดขวัญ จ.นนทบุรี

พ่อมีอาชีพขับรถแท็กซี่ ส่วนแม่ขายผัก-ส้มตำ และอาหารตามสั่งอยู่บริเวณกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต่อมานางสาวศิริวิภา ก็ได้สามีชาวสิงคโปร์คนดังกล่าวและมีฐานะร่ำรวยขึ้นจากการทำธุรกิจรับหิ้วสินค้าแบรนด์เนมจากสิงคโปร์ จนเข้าไปอยู่ในแวดวงดาราไฮโซ มีการจ้างดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์และรีวิวร้านในอินสตาแกรมให้ด้วย

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนางสาวศิริวิภา พบว่ายังมีการเปิดขายของตามปกติ จึงสอบถามไปยังนางสวย อายุ 57 ปี ยายของนางสาวศิริวิภา เล่าว่าหลังจากที่แม่ของนางสาวศิริวิภา ทราบว่าลูกถูกตำรวจสากลติดตามตัวก็เกิดอาการเครียด เก็บตัวเงียบมา 2-3 วัน และไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ นางสวย เล่าว่า ตนไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจของหลาน

รู้เพียงได้แฟนเป็นชาวสิงคโปร์ทำงานขายของเกี่ยวกับกระเป๋า-นาฬิกาหรู นาน ๆ ทีจะกลับประเทศไทย และก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน หลานสาวกับสามีก็เพิ่งจะมาซื้อบ้านที่ประเทศไทยราคา 60 ล้านบาท โดยที่แม่และพี่ชายของหลานเพิ่งจะทำบุญบ้านไปเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ซึ่งตนก็ไปร่วมงานด้วย โดยในงานมีญาติพพี่น้องมาร่วมงานประมาณ 5-6 คน นางสวย

เผยอีกว่า หลังจากนั้นก็มีคนมาทวงหนี้เยอะ และคิดว่าธุรกิจของหลานสาวเริ่มมีปัญหาจึงต้องขายบ้านไปในราคา 55 ล้านบาทเพื่อนำไปใช้หนี้ หลังจากพอทราบข่าว่าหลานถูกตำรวจสากลออกหมายจับก็รู้สึกเครียดและตกใจมาก นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวเผยว่าระหว่างที่สัมภาษณ์อยู่นั้นนางสวย มีอาการเข่าทรุดจะเป็นลม พร้อมบอกว่าอยากให้หลานมามอบตัวและทำในสิ่งที่ถูกต้อง

เรียบเรียงโดย ทีมงาน siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ