เจ้าสาวเผย เจ้าบ่าวเทงานแต่ง

เจ้าสาวเผย เจ้าบ่าวเทงานแต่ง

จากกรณี ความคืบหน้าของ นางสาวธารารัตน์ ไซยนามน เจ้าสาว ร้องเรียนผ่านสื่อหลังมีนายแฮ็ก ว่าที่เจ้าบ่าวเบี้ยวงานแต่ง โดยอ้างว่าฝั่งเจ้าสาว มีการขึ้นค่าสินสอด ทำให้ไม่มีเงินเพียงพอที่จะไปงานแต่ง จึงไม่ได้ยกขันหมากไปตามวันเวลา ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

วันที่ 27 มิ.ย. 65 ทีมข่าวเดินทางไปเจอกับนางสาวธารารัตน์ ไซยนามน เจ้าสาว เดินทางไปร่วมรายการโหนกระแส เป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกหลังจากที่เจ้าบ่าวหนีงานแต่ง ฝั่งของอดีตว่าที่เจ้าสาวก็ได้ฟังเรื่องราวความจริง และคำชี้แจงบางอย่างจากอดีตว่าที่เจ้าบ่าว

แต่ในรายการดังกล่าวนั้นก็ยังมีการกล่าวถึงเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นค่าเสียหาย กรณีเจ้าบ่าวหนีงานแต่ง โดยมีมูลค่าเท่ากับค่าสินสอด คือ 1.4 แสนบาท หากอดีตว่าที่เจ้าบ่าวสามารถที่จะจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวโดยทันที

ปรากฏว่าฝ่ายเจ้าบ่าวยืนยันว่ามีเงินเพียงแค่ 15,000 บาท ไม่มีเงินจ่ายตามจำนวนที่อดีตว่าที่เจ้าสาวขอ ทางฝั่งของอดีตเจ้าสาวจึงได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และเรียกค่าเสียหาย 500,000บาท และมีการแฉเกี่ยวกับพฤติกรรมความสะอาดของนายแฮ็ก อดีตว่าที่เจ้าบ่าวว่าไม่เคยดูแลความสะอาดทั้งตัว และสิ่งของภายในห้อง เจอหนักสุดมีเห็ดและราเกิดขึ้นบนที่นอน ของเครื่องใช้เต็มไปด้วยความสก ปรก กินแล้วไม่ล้างด้วย

นางสาวธารารัตน์ เปิดเผยว่า ตนเองกล้าเปิดเผยเรื่องดังกล่าวเพราะเนื่องจากครั้งแรกที่ไปห้องพักของว่าที่เจ้าบ่าว ครั้งนั้นตั้งใจที่จะไปนอนค้างคืนด้วย หลังจากที่คบหาและหมั้นหมายกันไป แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงสภาพความเป็นอยู่ตนเองก็คาดไม่ถึง เพราะเนื่องจากผ้าปูที่นอน จากลักษณะเป็นสีขาวลายการ์ตูน กลายเป็นมีเชื้อราสีดำ และเทาเป็นด่าง ๆ บางจุดถึงขั้นมีลักษณะเห็ดงอก แต่ตนเองก็ได้มีการบันทึกคลิปและภาพถ่ายเอาไว้ เพื่อที่จะให้ดูสภาพความเป็นอยู่ ม้ว่าตนเองจะบ่นไป แต่ก็มีการทำความสะอาดให้ภายหลังที่มีการจบคลิป

ตนเองก็ไม่คิดว่าอดีตว่าที่เจ้าบ่าวจะไม่ดูแลความสะอาดเลย ตอนนั้นก็ยังคิดในทางที่ดีว่าเจ้าตัวอาจจะทำงานหนัก เลยไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ก็เลยตัดสินใจที่จะทำให้ โดยไปถึงช่วงเช้า ทำความสะอาดทั้งห้องก็หมดไปทั้งวัน กว่าจะได้นอนได้พักผ่อนก็ถึงตกเย็น

กรณีการที่ไปออกรายการในวันนี้พร้อมกับเจ้าตัว ถือว่าเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรก ภายหลังที่เจ้าบ่าวหนีงานแต่ง ตนเองได้รับฟังคำชี้แจงจากอดีตว่าที่เจ้าบ่าวหลายเรื่อง ซึ่งก็ทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น แต่ก็ยังติดใจในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องที่เจ้าตัวอ้างว่าก่อนงานแต่งไปให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ด้วยกัน ทั้งข้อเท็จจริงแล้วในคืนก่อนงานแต่งก็ยังมานั่งกินหมูกระทะ ฝั่งเจ้าบ่าวก็ยังมาที่บ้านของตนเองทุกวัน

ที่สำคัญประเด็นเรื่องของการเพิ่มเงินสินสอด ตนเองยืนยันว่าตามคลิปที่ตนเองมีการบันทึกเอาไว้ไม่ได้ผ่านการตัดต่อ หากใครตัดต่อได้เนียนขนาดนั้นก็คงเป็นขั้นเทพไปแล้ว การเจรจาวันนั้นแม่ของอดีตว่าที่เจ้าบ่าวเป็นคนเข้ามาขอพูดคุยกับครอบครัวของตนเองโดยอ้างว่ามีเงินเพียงแค่ 15,000 บาทจะเอาหรือไม่ โดยไม่ได้มีการพูดถึงจำนวนเงินสินสอด 1.4 แสนบาทเลย และการที่มีการพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง ทำไมอดีตว่าที่เจ้าบ่าวไม่เข้ามาคุยด้วยตนเอง อ้างว่าแม่ไปตกลงกับฝ่ายหญิงแต่คุยกันไม่รู้เรื่องจึงตัดสินใจที่จะหนีงานแต่ง ดังนั้นตนเองก็บอกว่าในหลายเรื่องที่มีการแก้ตัวในรายการดังกล่าวนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ตนเองคลายข้อสงสัย แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ได้มีการพูดคุยกัน

หลังจากจบรายการตนเองก็ย้ำชัดว่าหากการตกลงกัน อดีตว่าที่เจ้าบ่าวสามารถที่จะจ่ายเงินได้ทันทีหลังจบรายการ ตนเองก็พร้อมที่จะจบทุกอย่าง ไม่มีการดำเนินคดี แต่ฝ่ายชายก็ยืนยันกลางรายการว่าไม่มีเงินจ่าย และไม่มีเงิน มีเพียงแค่ 15,000 บาท ดังนั้นเมื่อผ่านช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วจะไม่มีการประนีประนอม จะไม่มีการไกลเกลี่ยอีก ให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะตนเองตั้งทนายความให้มีการฟ้องค่าเสียหายจากฝ่ายชายจำนวน 500,000 บาท โดยจำนวนนี้มีทั้งเงินค่าสินสอด มีค่าเสียหาย ค่าจัดงานที่จ่ายไป และค่าทำให้เสียหน้าและเสียเวลา ตนเองก็ไม่รู้ว่าฝ่ายชายจะหาเงินมาจ่ายให้ได้หรือไม่ แต่ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของศาล

นางวิไล ไซยนามน แม่ของอดีตเจ้าสาว เปิดเผยว่า วันนี้ถือว่าเป็นการเจอหน้ากันครั้งแรก และฟังคำชี้แจงจากฝ่ายของอดีตว่าที่เจ้าบ่าว โดยตนเองก็ไม่คิดว่าคำชี้แจงจะออกมาในรูปแบบนี้ เพราะก็ยังงงเหมือนกันว่าก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเคยไปสัมภาษณ์ เจ้าตัวอ้างว่าสามารถที่จะมีเงินจ่ายได้ทุกบาททุกสตางค์ เพราะอ้างว่ามีเงินสินสอดอยู่แล้ว

แต่ในข้อเท็จจริงอย่าลืมว่าวันนั้นแม่ของอดีตว่าที่เจ้าบ่าวเป็นคนเข้ามาขอต่อรอง จากเงินสินสอดที่เคยตกลงกันไว้ ลดลงมาเหลือที่ 15,000 บาทด้วยซ้ำ ซึ่งพ่อของอดีตว่าที่เจ้าสาวในฐานะสามีของตนเอง ก็ยังมีการพูดเป็นภาษาอีสานขอให้นำเงินสินสอดมาประกอบพิธี 1 แสน หรือ 8 หมื่นก็ได้ด้วยช้ำ ที่สำคัญตนเองรู้ความจริงจากญาติพี่น้องหลายคนภายหลัง ว่าครอบครัวของฝ่ายชายก็มีประวัติหลายเรื่อง แต่ตนเองขอไม่กล่าวถึงเพราะถือว่ารู้ข้อมูลมาก็เพียงพอแล้ว สำหรับกรณีความเป็นเพื่อนสนิท ที่ฝั่งพ่อและแม่ของทั้งสองฝ่ายรู้จักกันและเป็นเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้ตนเองยอมรับว่าอาจจะใช่ในความเป็นเพื่อน แต่ปัจจุบันตนเองบอกว่าอย่าเลย คำว่า เซียว ภาษาอีสานหมายถึงความเป็นเพื่อนแล้วรู้จักสนิทสนม แต่สำหรับตนเองมองว่า เสี้ยว ในตอนนี้ เสมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวมากกว่า ดังนั้นทุกอย่างมันหายไปแล้ว จากนี้ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะลูกสาวได้มีการตั้งทนายความฟ้องแล้ว

ด้านนายปิยะราช อธิจอน อายุ 35 ปี อดีตว่าที่เจ้าบ่าว กล่าวว่า กรณีที่อดีตเจ้าสาวพูดถึงตนว่าตนสกปรกนั้น เป็นการพูดประจานกันเกินไป ตนไม่ได้เป็นแบบนั้น ตนทำมาหากิน ไม่ได้นั่งกินนอนกินเฉย ๆ โดยตัวเองทำงานเป็นช่างเคาะพ่นสี ก็อาจจะเลอะเทะบ้าง แต่ไม่ได้สกปรกขนาดนั้น ตนก็แล้วแต่สังคมจะมอง แต่คิดว่าการพูดแบบนี้ไม่มีจิตสำนึก ส่วนกรณีที่ฝ่ายหญิงจะฟ้อง ก็แล้วแต่อีกฝ่าย แต่ตนไม่จ่ายเงินแน่นอน เพราะตนรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร บางอย่างก็พูดออกมาไม่ได้ แต่ยืนยันตัวเองไม่ได้แต่งเรื่อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากให้สังคมมองในมุมตัวเองบ้าง ตนไม่ได้เทงานแต่ง แต่ข้อตกลงไม่เป็นไปตามที่คุยกันไว้ตั้งแต่แรก เพราะตอนแรกตกลงกันว่าสินสอด 149,999 บาท ทอง 2 บาท แต่หากไม่พอก็ให้มาคุย โดยผู้ใหญ่จะได้ช่วยกัน

เมื่อถึงวันงานตนมีเงิน 15,000 บาท แต่แม่ไปหามาได้อีก 100,000 บาท รวม 115,000 บาท ยังขาดอีกเล็กน้อย จึงให้พ่อไปคุย แต่ฝ่ายเจ้าสาวกลับบอกว่าถ้าไม่มีเงิน 200,000 บาท กับทอง 2 บาท ไม่ต้องมา ซึ่งตนไม่ได้ไปคุยเองโดยตรง แต่เชื่อในสิ่งที่พ่อพูด เพราะพ่อก็เป็นคนซื่อ จึงไม่ได้ยกขันหมากไป ทั้งนี้ ตนไม่มีทางกลับไปคบกับอดีตเจ้าสาวได้อีกแล้ว และรู้สึกเข็ดกับการแต่งงาน

ขอบคุณ ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าวอัมรินทร์ทีวี

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ