เปิดคลิป สาวแสบโกงเทศบาล 30 ล้าน ญาติอับอาย แฉเหลือ 13 บ.ดูต่างหน้า

เปิดคลิป สาวแสบโกงเทศบาล 30 ล้าน ญาติอับอาย แฉเหลือ 13 บ.ดูต่างหน้า

เป็นเรื่องราวที่สังคมต่างก็วิจารณ์กันอย่างหนัก เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมาว่า เทศบาลตำบลบุณฑริก มีความผิดปกติของการเงิน ทำการตรวสจสอบพบว่าเงินกระแสรายวันของเทศบาล ถูกโอนถ่ายออกไปจากบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชีเทศบาลตำบลบุณฑริก ในระยะช่วงเดือนพฤษภาคม เพียงเดือนเดียวกว่า 30,600,000 บาท

โดยโอนเข้าบัญชี ส.อ.มยุรา สุ่มมาตย์ เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีปฏิบัติการเพียงบัญชีเดียว และ ส.อ.มยุรา สุ่มมาตย์ ได้ขาดราชการหายไปตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. 65

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 65ที่ผ่านมา เทศบาลตำบลบุณฑริก ต.ณฑริก อ.ณฑริก จ.อุบลราชธานี โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ยังคงทำงานกันปกติ ทีมข่าวได้หลักฐานวงจรปิด 5 ตัว เป็นวงจรปิด วันสุดท้ายที่ ส.อ.มยุรา เดินทางมาทำงานที่เทศบาล เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 65 ตั้งแต่เวลา เวลา 07.09-07.25 น.

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าการยักยอกเงินครั้งใหญ่ของเทศบาลตำบลบุณฑริกครั้งนี้ พบการโอนเงินจากธนาคารกรุงไทยสาขจาบุณฑริก ด้วยระบบ Buntrarik SMT ซึ่งเป็นระบบ KTB Coperate online ของธนาคารกรุงไทย เป็นระบบใหม่ของการจ่ายเงินด้วยการโอนเข้าบัญชีแทนการจ่ายเช็ค ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 65 ไล่เรียงไปจนถึง วันที่ 10 มิ.ย. ก่อนหลบหนี

โดยบางวันโอนถึง 5 ครั้ง การโอนเงินโอนครั้งละ 200,000-1,000,000 บาท โดยโอนครั้งละ 1,000,000 บาท รวมการโอน 47 ครั้ง เป็นเงินรวมกว่า 30,600,000 บาท

ล่าสุดตำรวจ สภ.บุณฑริก ออกหมายจับแล้วข้อหายักยอกทรัพย์ อยู่ระหว่างการติดตามตัว ส.อ.มยุรา โดยพบว่าล่าสุดโอนเงินจำนวน 30 ล้านบาท ออกจากบัญชีทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. 65 ไปยังบัญชีผู้อื่น ลักษณะคล้ายบัญชีม้า ปัจจุบันเงินในบัญชี ส.อ.มยุราเหลือเงินเพียง 13 บาท

นายวรพจน์ บุตรมาตร์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบุณฑริก กล่าวว่า ตนเองเป็นนายกเข้ามาใหม่ ระบบ KTB Coperate online เป็นระบบใหม่ของธนาคารที่เริ่มใช้เมื่อเดือนมกราคมเป็นต้นมา ตนเองยังไม่เข้าใจระบบ ซึ่งต้องเรียนรู้จาก ส.อ.มยุรา ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการเงินบัญชี ซึ่งตอนนี้เงินถูกยักยอกไปรวมกว่า 30,600,000 บาท ซึ่งได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน และรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ

โดยสิบเอกมยุราเป็นคนที่เกิดในอำเภอบุฑริก แต่ไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ มาหลายปี มีการสมัครมาเมื่อช่วงเดือน ต.ค. 64 ตนเองเห็นว่ามีเอกสารครบถ้วนประกอบกับเป็นคนในพื้นที่จึงรับเข้าทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาที่ สิบเอกมายุราทำงานอยู่ที่เทศบาลเป็นคนอัธยาศัยดี ทำงานได้ตามปกติไม่มีปัญหาใด โดยมาทำงานครั้งสุดท้ายเมื่อ วันที่ 10 มิ.ย. 65 โดยมาเช้าผิดปกติ ก่อนจะบอกเพื่อนร่วมงานว่าขอลาพาป้าไปหาหมอ และขาดราชการไปหลายวัน กระทั่งวันที่ 14 มิ.ย. 65 หัวหน้ากองคลังพบความผิดปกติของบัญชีเทศบาลว่ามีเงินหายไป จึงเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 65 ยอมรับว่าตนเองเครียดอย่างมาก ทำงานการเมืองมานานไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ การจะเบิกเงินใช้จ่ายตอนนี้จึงค่อนข้างรัดกุมมากกว่าเดิม

นางปราณี ป้าของ ส.อ.มยุรา เปิดเผยว่า ช่วงเดือน ต.ค. 64 ตนเองดีใจมากที่หลานบอกว่าจะกลับมาทำงานเทศบาล และจะมาอยู่กับตนเอง โดยใช้ชีวิตกันปกติทุกวัน ดูมีความสุข ไม่เห็นว่าหลานสาวจะมีปัญหาเรื่องการเงิน พี่สาวเขาที่อยู่ต่างประเทศส่งเงินมาให้ใช้เพิ่มอีกด้วย เสื้อผ้าที่ใส่ รถที่ขับก็เป็นของพี่สาว ส่วนแม่ของ ส.อ.มยุรา อยู่ฮ่องกง ส่วนพ่อแยกทางกัน ตนเองทราบดีว่าหลานทำงานเกี่ยวกับการเงิน เห็นในข่าวหลายข่าว จึงสอนหลานตลอดว่าอย่าทำ

ซึ่งกลานก็รับปากว่าไม่ทำเด็ดขาด วันที่ 10 มิ.ย. 65 ช่วงเช้ามืดตนเองนึ่งข้าวเหนียว และไข่ต้มไว้ให้หลานนำไปกินที่ทำงาน ก่อนตนเองจะออกไปทำไร่ กลับมาบ้านก็ไม่พบหลานสาวแล้ว โทรศัพท์คุยกันครั้งสุดท้าย ช่วง 10.00 น. โดยหลานสาวบอกว่าจะไปงานเลี้ยงเลื่อนตำแหน่งเพื่อน ที่อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ช่วงเย็นตนเองจึงโทรศัพท์ไปหาหลาน จะถามไถ่ว่าอยู่ไหนแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้ หลังจากนั้นจึงเข้าแจ้งความ เพราะหลานสาวหายไปกลัวได้รับอันตราย มารู้ความจริงเมื่อวันที่นายกเทศบาลเข้ามาพบ ตนเองเสียใจมาก ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะร้อง และไม่กล้าออกไปตลาด เพราะอายคน อยากให้หลานสาวมามอบตัว และกลับมาอยู่กับป้า ให้ได้รับโทษตามกฎหมายก่อน ป้าพร้อมให้อภัย

ขอบคุณ ข้อมูลข่าวจาก ทุบโต๊ะข่าวอัมรินทร์ทีวี 34

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ