เครื่องยนต์ เรือดับ หลังงมหาหลักฐานคดีแตงโม

เครื่องยนต์ เรือดับ หลังงมหาหลักฐานคดีแตงโม

การจากไปอย่างเป็น ปริศนาของ แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวชื่อดัง ที่พลัดตกเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา

ล่าสุด วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 13.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม คุณแม่จิ๋ม นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม พร้อมด้วย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารา หรือ ส.ส.เต้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เดินทางมาเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับความคืบหน้าของการดำเนินคดีความ และเพื่อเข้ามารับเงินเยียวย า

โดยหลังจากที่ได้หารือกันนานกว่า 2 ชั่วโมงนั้น เวลาประมาณ 15.00 น. ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยว่าก่อนอื่นตนต้องขอแสดงความเสียใจกับทางคุณแม่ก่อน ซึ่งทางกระทรวงได้ติดตามเรื่อวราวมาโดยตลอด

และวันนี้ได้รับมอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้เข้ามามอบเงินเยียวยา เพื่อดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ที่ทางคุณแม่ของแตงโมจะได้รับ ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าว ได้แก่ การจากไป 50,000 บาท ปลงศ_ 20,000 บาท และค่าประโยชน์อื่นอีก 40,000 บาท รวมทั้งหมด เป็นเงิน 118,000 บาท ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นเงินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าจะต้องชดเชยให้

นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดคุยเพื่ออธิบายให้ทราบถึงรูปแบบการทำงานของทางกระทรวง ซึ่งทางกระทรวงได้เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของคดีความด้วย หากผู้ใดมีพยานหลักฐานที่อยากจะให้ตรวจสอบสามารถส่งให้ทางกระทรวงได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องมีบทสรุปเพื่อให้สัมคมเกิดความเข้าใจ จะได้ไม่ต้องสงสัยในเรื่องที่เกิดขึ้น

นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม เผยว่า วันนี้ตนได้เชิญสื่อมวลชนให้เข้ามาด้วย เพื่อให้ได้มารู้จักกับทางกระทรวงยุติธรรม ซึ่งตอนแรกตนไม่รู้จักทางกระทรวงมาก่อน แต่ทางกระทรวงได้ติดต่อเข้ามาดูแลอยู่ตลอด ด้วยเหตุนี้ตนจึงอยากจะขอบคุณในความช่วยเหลือที่ให้มา

หลังจากที่ได้ทำการมอบเงินดังกล่าวนั้น ทางเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ทำชูกำปั้นแตะกับคุณแม่แตงโมเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่า เราจะช่วยเหลือกัน

และนอกจากนี้ จากการงบหาหลักฐานคดีแตงโม มีเหตุการณ์วันเครื่องยนต์เรือดับ กัปตันเรือและนายอัจฉริยะถึงขั้นพนมมือท่องบทสวดทั้งศาสนาพุทธและคริสต์ เพื่อขอให้ปฏิบัติการสำเร็จ เนื่องจากถูกโยงว่าเป็นอาถรรพ์คดีแตงโม กรณีกู้ภัยเจอไหและเหรียญโบราณ

นายเฉลิมพล หงษ์ยนต์ หรือ ใหญ่ ประธานชมรมกู้ภัยทางน้ำ ภาค 7 ในฐานะหัวหน้าชุดนำทีมในการค้นหาใต้น้ำ ในวันที่นายอัจฉริยะลงพื้นที่หาหลักฐานครั้งล่าสุด โดยพุ่งเป้าหามีดที่คาดว่าเป็นของกลางหรือวัตถุที่ใช้ในการก่อเหตุ แต่ในการค้นหาวันดังกล่าว กลับมีเหตุการณ์เกิดขึ้น แล้วพบว่าเรือเครื่องยนต์ขัดข้อง ลอยลำจากจุดที่พบแตงโม ไปหยุดอยู่ที่ใกล้กับโป๊ะทราย ใกล้กับสะพานพระราม 7 แล้วปรากฏว่าหลังจากที่มีการค้นหาบริเวณจุดที่เรือขัดข้อง พบกับไหโบราณและเหรียญเก่าโบราณจำนวน 5 เหรียญ

เป็นลักษณะเหรียญที่คาดว่าแช่อยู่ในน้ำมานาน เพราะมีการเปลี่ยนสภาพและเปลี่ยนสี เห็นตัวอักษรที่อยู่บนเหรียญเริ่มเลือนลาง จากการกร่อนของน้ำ จึงต้องใช้แว่นขยายสำหรับเซียนพระ ในการส่องดูรายละเอียดของเหรียญ พบว่าเป็นเหรียญกงจักรระบุรัฐบาลไทย จำนวน 2 บาท และ 10 บาท ขณะที่ไหโบราณได้มีการส่งตรวจและเก็บเอาไว้ เห็นลวดลายซึ่งจะเป็นของเก่า

นายเฉลิมพล เปิดใจว่า เหตุการณ์ในวันที่ตนเองได้รับประสานงานจากนายอัจฉริยะให้ไปช่วยค้นหาหลักฐานที่คาดว่าจะเชื่อมโยงในคดีของนางสาวแตงโม เดี๋ยววันนั้นปฏิบัติการก็เป็นไปอย่างปกติ แต่ไม่ได้มีการจุดธูปและเทียนบอกกล่าวเหมือนเช่นครั้งก่อนที่มีการลงน้ำ เพราะเข้าใจว่าในขณะนั้นตัวของ ส.ส.เต้ ได้มีการจุดธูปและเทียนบอกกล่าวไปแล้ว ทำให้ตนเองและทีมงานไม่ได้มีการจุดซ้ำ โดยการค้นหาได้เริ่มปฏิบัติการจากวัดค้างคาว ซึ่งใช้เวลาอยู่นานพอสมควร แต่ก็ไม่เจอสิ่งผิดปกติ

จนกระทั่งมีการนำทุ่นและเชือกลงไปวางบริเวณจุดที่มีการพบแตงโม ได้มีการลงทำการเก็บตัวอย่างทราย ก่อนที่จะมีการใช้เครื่องตรวจหาวัตถุโลหะ ทำการตรวจสแกนบริเวณผิวดินและทรายจุดที่มีการพบแตงโม แต่บริเวณจุดดังกล่าวนั้นก็ไม่พบความผิดปกติเช่นเดียวกับ

ซึ่งในขณะที่ทีมอาสากู้ภัยของตนเองลงดำน้ำประมาณ 4-5 คน เรือจะมีลักษณะจอดรออยู่ด้านบน 3 ลำ ปรากฏว่ามีเรือลำที่นายอัจฉริยะ และทีมผู้เชี่ยวชาญบางส่วนนั่งรออยู่บนเรือ เกิดอาการขัดข้อง ตอนนั้นตัวเองยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น มารู้ภายหลังแต่ในระหว่างที่ทีมของตัวเองกำลังค้นหาใต้น้ำ เรือมีลักษณะสตาร์ตไม่ติด และค่อย ๆ ลอยลำมุ่งหน้าไปที่โป๊ะทราย ใกล้กับสะพานพระราม 7 แต่ตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไรคิดว่าเป็นการลอยลำไปรออยู่ที่จุดดังกล่าว จนกระทั่งขึ้นมาจากน้ำจึงรู้ว่าเรือสตาร์ตไม่ติด เกิดอาการกระตุก จึงทำให้เรือลอยไปตามกระแสน้ำ และไปหยุดอยู่ที่โป๊ะทรายดังกล่าว

ระหว่างที่กำลังมีการถอดเชือกของทุ่นที่ติดเอาไว้ โดยมีการติดตั้งจำนวน 3 ทุ่น ซึ่งมีการถอดออกได้แล้ว 2 ทุ่น แต่ในช่วงที่กำลังจะถอดทุ่นสุดท้าย มีเรือลากจูงผ่านมา แล้วทำการเกี่ยวเอาทุ่นใบที่ 3 ติดไป แล้วเชือกดันไปเกี่ยวคอของอาสากู้ภัยที่กำลังขึ้นไปบนผิวน้ำ ซึ่งอีก 4 เมตรก็จะถึงผิวน้ำ ตนเองก็กำลังขึ้นมาจากน้ำตามหลัง ปรากฏว่าเห็นเชือกกำลังเกี่ยวข้ออาสากู้ภัยคนดังกล่าว ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสีช้ำเขียว โชคดีที่ตนเองไปปลดเชือกได้ทัน ไม่เช่นนั้นก็คงจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

ตอนนั้นตนเองคิดว่าถ้าตามหลักของวิทยาศาสตร์แล้ว เป็นเรื่องของอุบัติเหตุที่มีเชือกไปเกี่ยวโดนคอของอาสากู้ภัยแล้วมีเรือลากจูงผ่านมา แต่ในมุมของความเชื่อส่วนบุคคลเป็นเพราะในวันนั้นไม่ได้มีการจุดธูปบอกกล่าว ซึ่งคิดว่า ส.ส.เต้ จุดไปแล้ว จึงไม่ได้มีการจุดซ้ำ และประกอบกับที่ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคดีของนางสาวแตงโม เพราะเชื่อว่าเป็นจุดที่เจอแตงโม รวมทั้งก้นแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะใกล้กับสะพานพระราม 7 ก็มีคนเคยมาก่อเหตุเยอะ

หลังจากที่เรือสตาร์ตยังไม่ติด แล้วลอยลำไปใกล้กับโป๊ะทราย ทีมของตนเองก็ได้มีการลงงมค้นหาที่ความลึกไม่เกิน 7 เมตร บริเวณที่เรือกำลังลอยลำอยู่ เชื่อว่าอาจจะเป็น แตงโม ที่ดลใจ ทำให้เรือไปหยุดอยู่ที่บริเวณจุดดังกล่าว จึงได้มีการลงค้นหาอย่างละเอียด เมื่อมีการลงไปค้นหาแล้วใช้เครื่องตรวจหาวัตถุโลหะ กลับพบเหรียญเก่าโบราณ 5 เหรียญ และไหโบราณ ที่คาดว่าเป็นของยุคเก่าสมัยอยุธยา แต่ไม่พบหลักฐานที่เกี่ยวข้องทางคดี

สำหรับการปฎิบัติการค้นหาในน้ำ เพื่อหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี ตนเองไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการค้นหาและเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ไม่ติด รวมทั้งจุดที่เรือไปจอดนิ่ง และเหตุการณ์ที่ทีมอาสากู้ภัย ถูกเชือกรัดคอ หรือแม้แต่เจอของเก่าโบราณจะเป็นอาถรรพ์หรือลางบอกอะไรบางอย่างหรือไม่ ส่วนตัวก็เชื่อว่าทั้งหมดก็เป็นความเกี่ยวข้องและการดลใจของแตงโมที่อยู่บริเวณจุดดังกล่าว และหลังจากที่ตนเองกลับมาจากเหตุการณ์วันนั้น ปรากฏว่ามีการฝันถึงการลงไปดำใต้น้ำ เกือบทุกคืน ฝันว่าเจอแต่สมบัติที่อยู่ใต้น้ำเจ้าพระยา

นายณัฏฐ์นันธ์ พฤกษาณัฐกุล เจ้าหน้าที่บริษัทโดรนใต้น้ำ ทีมที่ร่วมปฎิบัติการค้นหาหลักฐานในวันที่มีการลงเรือพร้อมกับกู้ภัยและนายอัจฉริยะ เปิดเผยกับทีมข่าวผ่านวิดีโอคอลว่า ในวันนั้นในขณะที่ทีมอาสากู้ภัยบางส่วนได้มีการลงไปค้นหาในน้ำ แต่มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและกลุ่มของนายอัจฉริยะอยู่ประจำบนเรือ เป็นจังหวะที่แล่นเรือรอทีมกู้ภัยทางน้ำ

ปรากฏว่าเครื่องยนต์เริ่มมีความผิดปกติ ลักษณะเครื่องกระตุก ตอนนั้นผู้ที่เป็นคนขับเรือก็พยามแก้ไขปัญหา ขยับสายน้ำมันเชื้อเพลิง คาดว่าเป็นเพราะน้ำมันขาด ไม่ได้มีการดูดเข้าสายอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อมีการเขย่าและทำการสตาร์ตเครื่องซ้ำก็ไม่เป็นผล เนื่องจากเครื่องยนต์ดับ จึงทำให้เรือลอยไปตามกระแสน้ำ แล้วไปหยุดอยู่บริเวณโป๊ะทราย ใกล้กับสะพานพระราม 7 ตอนนั้นหลังจากที่อาสากู้ภัยขึ้นมาจากน้ำ ก็ได้มีการพูดแลกเปลี่ยนกันทำนองว่า มีอะไรบางอย่างดลใจให้เรือลอยมาอยู่ที่บริเวณดังกล่าวหรือไม่ สงสัยอยากจะให้กู้ภัยหรือทีมใต้น้ำลงไปค้นหาตรงจุดนั้นหรือเปล่า

ระหว่างที่ทีมอาสากู้ภัยมีการค้นหาบริเวณที่เรือจอดนิ่งตอนที่เครื่องยนต์ดับ ก็ทราบว่ามีทีมใต้น้ำไปเจอกับไหโบราณ และมีเหรียญโบราณอีกจำนวนหนึ่ง โดยนำขึ้นมาแล้ววางบริเวณท้ายเรือ จากนั้นทีมที่อยู่บนเรือก็พยายามซ่อมเครื่องยนต์เพื่อที่จะกลับเข้าฝั่ง แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งตนเองเห็นว่ากัปตันเรือซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ ก็ได้มีการท่องบทสวดถึงพระผู้เป็นเจ้า และในมือมีการถือไม้กางเขน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนศาสนาคริสต์ ส่วนนายอัจฉริยะได้มีการจับพระเครื่องที่อยู่บริเวณคอ จากนั้นพนมมือและสวดบทบางอย่าง หลังจากนั้นปรากฏว่าเครื่องยนต์สตาร์ตติด ซึ่งก็เกิดความแปลกใจ แล้วพูดกันในเรือว่าเป็นเพราะอาถรรพ์ของคดีแตงโมหรือไม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าหากมองว่าเป็นเรื่องของทางวิทยาศาสตร์ อาจจะเกิดจากเครื่องยนต์ขัดข้อง แต่ส่วนในมุมของความเชื่อก็เป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล ถ้าหากไม่มีการสวดหรือมีการขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจจะทำให้วันนั้นไม่สามารถที่จะนำเรือขึ้นฝั่งเป็นไปได้หรือไม่

ขอบคุณ ภาพและข่าวจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ