นายกแย้มข่าวดี คนละครึ่งเฟส 5

นายกแย้มข่าวดี คนละครึ่งเฟส 5

มีรายงาน วันที่ 19 เมษายน 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุม ครม. ว่าเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นใหม่ ในการขับเคลื่อนประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจตามแผนโรด Mapsทั้งการท่องเที่ยวการลงทุนและการส่งออก

เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบ ยอมรับว่าปัญหางบประมาณที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ นายกแย้มข่าวดี คนละครึ่งเฟส 5 มีลุ้น กระตุ้นเงินหมุนเวียนได้หลายเท่า

นอกจากนี้ยังมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนหลายแสนล้านบาท เพราะฉะนั้นการใช้จ่ายงบประมาณในปี 2565 ที่ยังเหลืออยู่นี้ และการใช้จ่ายงบประมาณปี 2566 ได้ให้หลักการไปแล้วว่า จะทำอย่างไรให้นำพาประเทศ ผ่านปัญหาอุปสรรคและวิกฤตที่เกิดขึ้นไปได้ เพื่อ นำไปสู่อนาคต โดยใช้หลักการที่ว่า ต้องทำให้อยู่รอดปลอดภัย พอเพียง และนำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต และต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังให้มากที่สุด ในขณะที่รายได้ก็ลดลง แม้ว่าการส่งออกจะดีขึ้นก็ตาม

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยอมรับเป็นห่วงค่าใช้จ่ายของประชาชน เนื่องจากมีรายได้ลดลง แต่สินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในแต่ละวัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่ต้องปรับเปลี่ยน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานะในขณะนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลไม่สนใจเรื่องความเหลื่อมล้ำ และยกระดับรายได้ให้มากยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและสั่งการให้มีมาตรการช่วยเหลือต่างๆทยอยออกมาต่อเนื่อง และจำเป็นต้องหาแหล่งรายได้เพิ่มเติมให้ได้ ทุกคนทราบดีแล้ว ขอให้ฟังรัฐบาลบ้าง ว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง และมาตรการในการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างไร

บางครั้งคำพูดถูกตัดตอนออกไป เวลาแก้ไขปัญหาไม่พูดถึง แต่ไปพูดในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่ดี ไม่ดีเราก็แก้ไข ให้ไปเตรียมมาตรการต่างๆเพื่อรองรับ อยากบอกว่าให้เข้าใจซึ่งกันและกันมีความห่วงใยให้ทุกคนและทุกระดับ

ส่วนรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มหรือไม่นั้น ขณะนี้กำลังหารืออยู่ และได้เตรียมมาตรการเอาไว้แล้ว ซึ่งการที่จะทำให้อยู่รอดปลอดภัยและเพียงพอ จะต้องดูว่าใช้งานอย่างไรมีเงินอยู่เท่าไหร่และจำเป็นจะต้องหาเพิ่มหรือไม่ เป็นขั้นตอนการหารือกันอยู่ หากไม่ได้ดูแลในช่วง cv-19 ประเทศไทยจะอยู่ในสถานภาพที่ดีกว่านี้ แต่สถานการณ์ภายนอกบังคับไม่ได้ อยู่เหนือการควบคุม

ส่วนมาตรการที่กำลังพิจารณาจะเป็นคนละครึ่งเฟส 5 หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุได้ให้แนวทางไปแล้ว ยอมรับว่าใช้เงินมากพอสมควร แต่มีผลดีเกิดการหมุนเวียนของเงินอีกหลายเท่าตัว แต่ปัญหาคือจะหางบประมาณมาจากไหน ก็ต้องหาวิธีการ

แต่หากดำเนินการแล้วเอากลับมาโจมตีกันไปมา รัฐบาลก็ลำบาก บางอย่างต้องเข้าใจกันบ้างถึงเหตุผลและความจำเป็น เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ใช้จ่ายอย่างประหยัด เท่าที่ยังมีงบประมาณอยู่ และเงินที่กู้มาก็ใช้ไปบ้างแล้ว ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน และยืนยันรัฐบาลนี้ดำเนินการอย่างเต็มที่ จึงขอประชาชนเข้าใจ หากมัวแต่โจมตีกันไปมา ก็จะไม่สำเร็จสักอย่าง ซึ่งต้องรับฟังเสียงจากประชาชนด้วย

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ จะมีการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมีอัตราการติดเชื้อน้อยมากและไทยเองก็ยังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้อยู่ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนภายในประเทศทำให้ธุรกิจต่างๆเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่าเราต้องดูว่าปัญหาอยู่ที่ใดแล้วพุ่งเป้าไปที่จุดนั้น

การแก้ไขปัญหาไม่ใช่แค่จุดเดียวแต่จะต้องมีผลทางอ้อมไปยังจุดอื่นๆด้วย เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้น เพราะหากจ่ายให้กับกลุ่มเปาะบางเพียงอย่างเดียวจะเป็นการจ่ายขาด ไม่เกิดรายได้เพิ่ม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของตนอยู่รอด ปลอดภัย เพียงพอ ยั่งยืน และพุ่งเป้า

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ