เอ๋พร้อมทนายขึ้นศาลเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร ทนายครูไพบูลย์มาแทนปฎิเสธ

เอ๋พร้อมทนายขึ้นศาลเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร ทนายครูไพบูลย์มาแทนปฎิเสธ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ธ.ค.64 ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเลย นางสาวมิรา ชลวิรัลวานิศร์ หรือเอ๋ และน้องสายแนน พร้อมด้วยนายนฤบดินทรา ศรีศิวารา ทนายความเดินทางมายังศาลเยาวชนฯ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยการร้องขอค่าเลี้ยงดูบุตร กับนายไพบูลย์ แสงเดือน อดีตสามี แต่วันนี้ไม่มาศาล โดยมอบหมายให้นายธีระพงษ์ ศรีจันทา ทนายความส่วนตัว มาไกล่เกลี่ยแทน โดยใช้เวลาในการไกล่เกลี่ยนานกว่า 1 ช.ม. ไม่สามารถหาข้อยุติได้

นายนฤบดินทรา ศรีศิวารา ทนายความ ของน้องเอ๋ เปิดเผยว่า วันนี้ทางครูไพบูลย์ไม่ได้มาตามนัด โดยมอบหมายให้ทนายความมาแทน ส่วนผลการเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ้งทางเราเจตนาที่ต้องการไกล่เกลี่ย อย่างน้อยก็แสดงความยืนยัน จะได้รู้ว่าสุดท้ายข้อสรุปเป็นอย่างไร

โดยทางเราได้เรียกร้องค่าดูแลบุตรเดือนละ 20,000 บาท แต่ทางฝ่ายทนายความจำเลยไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ย อ้างต่อศาลว่า โจนก์มีพฤติกรรมใช้บุตรผู้เยาว์หาผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นค่าเลี้ยงดู ออกสื่อโซเชียล ไม่ยอมให้บุตรได้รับการศึกษา การที่จำเลยใช้ความพยายาม สุดความสามารถให้โจทก์นำบุตรมาเรียน เพราะโรงเรียนเปิดเทอมแล้ว

เกรงว่าบุตรจะเรียนช้ากว่าคนอื่น และไม่คำนึงถึงบุตร แต่กลับต้องการเอาชนะจำเลย โดยใช้บุตรเป็นเครื่องมือต่อรอง หากต้องการให้บุตรได้รับการศึกษา จำเลยจะต้องไปเซ็นมอบอำนาจปกครองบุตร ให้แก่โจทก์ ยังพาบุตรเที่ยวไปทุกที่ โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์โควิดที่กำลังระบาดในปัจจุบัน

ให้บุตรนอนดึก ทิ้งให้บุตรอยู่กับมือถือตลอดเวลา ด่าทอจำเลยต่อหน้าบุตร ด่าทอจำเลยออกสื่อ โจทย์มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ไม่มีวุฒิภาวะ พูดจาหยาบคาย ไม่มีความเคารพต่อผู้ใหญ่ ดังนั้นโจทก์จึงไม่สามารถปกครองให้บุตรมีความสุข และอบรมสั่งสอนบุตรได้ การที่โจนก์เอาความเท็จดังกล่าวมาฟ้อง ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจากการฟ้อง

นางสาวมิรา ชลวิรัลวานิศร์ หรือเอ๋ เปิดใจเล่าว่า เป็นห่วงความรู้สึกลูกมาก ตอนที่เข้าไปในศาลลูกเข้าไปด้วย ลูกก็พูดว่าทำไมปะป๊าไม่มา ปะป๊าไปไหน ต้องตอบลูกไปว่าสงสัยปะป๊าติดงาน ซึ่งตนเองก็น้ำตาคลอ กรณีทนายฝ่ายจำเลยที่แย้งมาว่า เอาบุตรมาหาผลประโยชน์นั้น ไม่รู้ว่าเขาคิดได้อย่างไร ว่าเอาลูกมาหาผลประโยชน์ ส่วนที่ลูกออกสื่อเพราะลูกอยู่กับเราตลอดเวลา แล้วเราก็ต้องทำงาน

ส่วนเรื่องการฟ้องค่าเลี้ยงดูบุตร จริงๆ แล้วก็ไม่อยากจะฟ้อง มีการคุยกันนอกรอบแล้ว อยากเลี้ยงดูลูกบ้าง ตอนนี้สามารถเลี้ยงดูลูกได้แล้ว ต้องขอบคุณ FC ทุกคน ที่ทำให้หนูมีวันนี้ สั่งซื้อครีมสินค้าที่ขายอยู่ ที่คิดว่าตัวเองลุกขึ้นสู้ได้ ทุกวันลูกได้นอนกอดเรา แต่ลูกเขาพูดว่า มีความสุขจังเลยที่ได้อยู่กับแม่ หนูก็เลยบอกว่าขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก ไม่ได้จะเอาลูกมาเลี้ยงคนเดียว ซึ่งทางนั้นไม่ยอม เราเลยจะต้องมาฟ้อง ที่จริงแล้วไม่อยากจะฟ้อง ในฐานะที่เป็นแม่และอุ้มท้อง 9 เดือน ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่คิดถึงลูก ระยะเวลาที่ผ่านมา แทบจะไม่มีกำลังที่จะเลี้ยงดูลูก

ภาพข่าวโดย บุศย์ สิริปัญญาพร ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดเลย

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ