ป้าวัย 59 ร้องสื่อค้ำประกันเงินกู้ ถูกยึดบ้าน

ป้าวัย 59 ร้องสื่อค้ำประกันเงินกู้ ถูกยึดบ้าน

วันที่ 18 พ.ย. 64 ผู้สื่อข่าว สยามนิวส์ ได้รับการร้องเรียนจาก นาง จำนงค์ คำพราว อายุ 59 ปี บ้านเลขที่ 44ม.1 ต.บ้านแก้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ว่าบ้านของตนเองที่อาศัยอยู่ ได้มีคำสั่ง จากกรมบังคับคดี ว่าได้ทำการยึดบ้านของตนแล้ว จึงทำให้ตนเองเกิดความสับสน ว่ามายึดบ้านของตนได้อย่างไร แต่เมื่อตรวจสอบดูแล้ว พบว่า ตนได้ไปเซ็นต์สัญญา ค้ำประกัน เงินกู้ ของ สหกรณ์ออมทรัพย์ ของ บริษัท รอยัลสปอร์ตเลน ในพื้นที่ อำเภอแก่งคอย ให้กับ นาง ทองหล่อ นาย ไพบูลย์ และนาง อรอนงค์ เป็นเงิน 424,846 บาท จากนั้นตนได้ออกจากงานมาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา

โดยถูกทางสหกรณ์ออมทรัพย์ หักเงินสะสมของตนใช้หนีสหกรณ์ จนหมด ซึ่งตนก็ไม่ว่าอะไร แลไม่ได้คิดอะไรอีก คิดว่าเรื่องเงินกู้สหกรณ์คงจบไปแล้ว แต่มาเดือนนี้ได้มี หนังสือ จากกรมบังคับคดี เข้ามาส่งให้ตนบอกว่าทางกรมบังคับคดีทำการยึดบ้าน ของตนที่ตนอาศัยอยู่ ว่าตนยังคงค้างเงินอยู่กับสหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นเงิน 225,538 บาท ซึ่งเป็นเงินค้าง ของนาง อรอนงค์ ซึ่งตนเป็นผู้ค้ำประกันให้ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาเรียกเก็บกับตน ซึ่งตัวนาง อรอนงค์ ก็ยังคงทำงานอยู่ และมีตัวตน ประกอบกับตัวเองก็ไม่เคยได้รับ หมายจากศาลเลย ว่าต้องไปขึ้นศาล หรือมีการบังคับใช้หนี้ แทนในฐานะผู้ค้ำประกัน จู่ๆก็มีหมายมายึดบ้านของตน ทำให้ตนเกิดความเครียด นอนไม่หลับ จึงอยากมาร้องสื่อให้ช่วยนำเสนอข่าว หรือมีแนวทางอย่างไรบ้างที่จะช่วยเหลือตน

ทางด้านนาย รติชา บุญเรือง ลูกชาย นาง จำนงค์ เล่าว่า ตอนนี้ตนรู้สึกสงสารแม่มาก เกิดจากการเครียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กลัวบ้านจะถูกยึด ตนจึงได้ชวนแม่ มาร้องสื่อ เพื่อขอความเป็นธรรม ซึ่งตนไม่เข้าใจในด้านกฎหมาย เนื่องบ้านของตนถูกยึดทรัพย์ เนื่องจากแม่ของตนไปค้ำประกันเงินกู้ ในโรงงาน ซึ่งในโรงงานจะมีเงินกู้สหกรณ์ โดยจะมีผู้ค้ำประกันด้วยกันถึง 4 คน คือเขาค้ำเรา เราค้ำเขา

แต่เมื่อเวลาออกจากงานซึ่งทุกคนจะต้องมีเงินสะสมของตนเอง และเมื่อเวลาออกงานทุกคนก็จะต้องถูกักเงินสะสม เพื่อไปจ่ายเงินกู้ของสหกรณ์ แต่ทำไมทางสหกรณ์ถึงไม่หักทั้งหมด และเมื่อออกงานมาไม่หักเงิน ก็กลายเป็นว่าคนที่ค้ำประกันก็จะต้องโดนด้วย ซึ่งพวกที่ค้ำกันอยู่ก็ยังกลับไปทำงานได้ใหม่

ซึ่งคนที่กู้เงินไปได้ไปทำงานที่อื่น แต่ไม่ยอมใช้หนี้ให้กับทางสหกรณ์ในส่วนของเขา จนตอนนี้ศาลไม่ได้ติดตามคนที่กู้ กลับมาติดคามคนที่ค้ำประกัน ซึ่งจังหวะที่แม่ของตนมีบ้านและที่ดิน จึงทำให้ทางศาลมาทำการยึดทรัพย์กับแม่ของตน ซึ่งทางแม่ของตน ไม่เคยได้รับการติดต่อ จากทางใดๆทั้งสิ้น มาเห็นอีกทีก็เป็นหมายยึดบ้านแล้ว รอขายทอดตลาดเลย

ตนจึงได้ไปติดต่อที่กรมบังคับคดี ทางกรมบังคับคดีบอกว่า เตรียมขายทอดตลาดให้ตนไปตามซื้อคืนเอา พร้อมแนะนำให้ตนไปติดต่อกับทาง สหกรณ์ ตนจึงได้ไปที่สหกรณ์ ออมทรัพย์ โดยทางสหกรณ์ได้ บอกว่าถ้าทางเราอยากให้ระงับการขายบ้าน ให้ทางเราใช้หนี้ให้กับทางสหกรณ์ จนกว่าจะหมด ซึ่งมียอดทั้งหมด 225,538 บาท พร้อมดอกเบี้ยอีก 126,000 บาท แต่ดอกเบี้ยคิดของคนค้ำแค่ 60 วัน ซึ่งเป็นยอดเงิน 3 พันกว่าบาท โดยให้ตนเองผ่อนจ่ายดอกเบี้ย เดือนละ 1,500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน จากนั้น จึงจะให้ผ่อนส่งต้นในเดือน มกราคม ปีหน้า โดยตนจะต้องผ่อนส่งเดือนละ 1,000 บาท จนกว่าจะครบสัญญาเงินที่ค้างอยู่

ซึ่งตนจะต้องไปทำสัญญากับทางสหกรณ์ทุกปี เพื่อให้ทางสหกรณ์ไประงับการยึดบ้านกับทางกรมบังคับคดี ซึ่งตนเองต้องส่ง เกือบ 20 ปีจนกว่าจะหมด ซึ่งตนเองอยากรู้ว่าการค้ำประกันแบบนี้ และมีคนร่วมค้ำแบบนี้ ตนอยากรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ในเรื่องช่องกฎหมาย หรือข้อกฎหมาย ที่พอที่จะช่วยเหลือคนค้ำได้บ้าง ซึ่งคนไม่รู้เรื่องกฎหมาย ทำไมค้ำกัน 4 คน ถึงไม่หาร 4 ทำไมต้องมาตกที่แม่ของตนเพียงคนเดียว ทำให้ภาระมาตกที่ตน ต้องมานั่งผ่อนชำระให้

ซึ่งเหมือนกับตนถูกค้อนตีหัวด้านหลัง ซึ่งสาเหตุที่มาร้องสื่อในวันนี้ อย่างน้อยก็เป็นอุทธาหรณ์ว่า อย่าไปค้ำประกันอะไรกับใคร ส่วนตนอยากถามว่า มีทนายคนไหนที่เห็นข่าวนี้แล้ว พอมีช่องทางไหนบ้างที่จะช่วยเหลือคนค้ำประกันได้บ้าง ซึ่งเราสามารถทำอะไรกับผู้กู้ได้บ้าง ช่วยแนะแนวทางให้หน่อย

ข่าวโดย ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดสระบุรี

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ