ปิดตำนาน เจ้าโทน แมวแม่ตะเคียนให้เลข

ปิดตำนาน เจ้าโทน แมวแม่ตะเคียนให้เลข

หลังจากโด่งดังเป็นที่รู้จัก และเป็นแมววัดที่มีชาวบ้านรักและเอ็นดูมากที่สุดตัวหนึ่ง สำหรับ เจ้าโทน แมววัด ที่เชื่อว่าเป็นแมวของแม่ตะเคียน ใน วัดใหม่โคกมะรุม ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง โดยที่ผ่านมาชาวบ้านเชื่อกันว่า เจ้าโทน เป็นแมวของแม่ตะเคียน ติดมากับต้นตะเคียนแม่ย่าสร้อยสุวรรณ ที่กรรมการวัดใหม่โคกมะรุม ได้ไปอัญเชิญมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างทางได้ยินเสียงแมวร้อง จึงได้จอดรถตรวจตามหาเสียงแมว พบว่าในโพรงไม้ตะเคียนแม่ย่าสร้อยสุวรรณ มีแมวสีขาวดำขนาดใหญ่ ซุกซ่อนอยู่ด้านในโพรง จึงได้นำมาเลี้ยงดูอยู่ที่วัดแล้วให้ชื่อว่าเจ้าโทน โดยเจ้าโทนเป็นแมวเพศผู้ที่ขนาดตัวใหญ่ อายุประมาณ 4 ปี

เจ้าโทนเคยให้เลขนักเสี่ยงโชค ชอบขึ้นไปนอนทับบนแผงลอตเตอรี่ของแม่ค้า ภายในวัดใหม่โคกมะรุม หากขึ้นแผงไหน ชาวบ้านนักท่องเที่ยวจะแห่มาซื้อเลข ที่เจ้าโทนนอนทับ หรือใช้เท้าเหยียบ จนหมดเกลี้ยงแผง เชื่อเป็นการบอกใบ้เลขเด็ด ทำให้ถูกรางวัลกันมามากมายหลายครั้ง จนมีแฟนคลับแวะเวียนมาขอโชค และเล่นกับเจ้าโทนไม่ขาดสาย

แต่ล่าสุดทางวัดแจ้งข่าวร้าย ว่าเจ้าโทนได้จากไปแล้ว หลังป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับไต มีค่าไตต่ำ สัตวแพทย์บอกว่า เป็นเพราะทานอาหารที่เค็ม ทำให้ไตต้องทำงานหนัก

สัตวแพทย์เจาะเลือด วัดค่าไต อยู่ระดับ 3 (ค่าไตจะมี 4 ระดับ) ไตเสียหายไปแล้ว 75% ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ต้องให้น้ำเกลือ ปริมาณ 200 ซีซีต่อวัน ให้ทุกๆวัน และคุมอาหาร จะให้กินได้เฉพาะอาหารที่ไม่มีส่วนผสมของเกลือ เป็นอาหารที่ทำมาแบบเฉพาะ และให้กินนมแพะเสริม แต่ก็เป็นเพียงยื้อชีวิตเจ้าโทนเอาไว้เท่านั้น

ทางผู้ดูแล ไม่ทราบมาก่อนว่า การที่ให้เจ้าโทนกินแต่ปลาทูเปล่าๆ ไม่กินข้าว มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี จะเป็นอันตรายขนาดนี้ กว่าจะรู้ เจ้าโทนมีอาการไตเสื่อมมากแล้ว สัตวแพทย์ตรวจละเอียด จึงทราบสาเหตุ แต่ก็สายไปเสียแล้ว

หลังจากนี้ทีมงานได้นำเงินที่แฟนคลับของเจ้าโทนที่รวบรวมกันมา ใช้ในการนำร่างของเจ้าโทนไปสตัฟฟ์ไว้ แล้วจะนำมาเก็บรักษาที่วัด โดยเลขชุดสุดท้ายที่แฟนคลับ และคอหวย พากันจดเพราะเชื่อว่าเป็นเลขทิ้งทวน คือเลขทะเบียนรถ 6กผ 1874 รถคันที่นำร่างเจ้าโทนไปส่งสตัฟฟ์

ซึ่งรถคันนี้ เจ้าโทนเคยปีนขึ้นหลังคามาแล้วครับ โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เจ้าโทนปีนขึ้นหลังคารถเก๋งแค่ 2 คันเท่านั้น ส่วนอีกเลขคือเลขวันที่เจ้าโทนตาย คือเวลา 09.15 น. วันที่ 3 เดือน 11

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ