
อส. ลาดตระเวนเข้ม หลังพบโดรนปริศนาบินว่อน อ.บ้านกรวด
วันนี้ที่ 31 ก.ค. 2568 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียด แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงแล้วก็ตาม โดยล่าสุด นายเอกวัฒน์ พวงประโคน นายอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งการให้กำลังอาสารักษาดินแดน (อส.), เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.), และผู้นำชุมชนทุกหมู่บ้านในพื้นที่ ออกลาดตระเวนตรวจตราทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างเข้มข้น
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลังได้รับรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างเวลา 19.00 น. ถึง 22.00 น. มี โดรนปริศนาหลายสิบลำบินวนเวียนอยู่เหนือพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ครอบคลุม 7 ตำบล ได้แก่ ต.สายตะกู, ต.จันทบเพชร, ต.ปราสาท, ต.บ้านกรวด, ต.หินลาด, ต.โนนเจริญ และ ต.เขาดินเหนือ
ในเวลา 21.05 น. เจ้าหน้าที่ตรวจพบโดรนทางทิศตะวันตกของอาคารกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอบ้านกรวดที่ 5 โดยบินลงมาในระดับต่ำมากจนมองเห็นได้ชัดเจน ด้วยความกังวลด้านความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ อส. จึงใช้อาวุธปืน M-16 ยิงสกัดโดรนดังกล่าวประมาณ 15 นัด แต่ไม่โดนเป้าหมาย จากนั้นกลุ่มโดรนปริศนาก็ได้บินหลบหนีไปทางทิศใต้และหายไป
ทางอำเภอบ้านกรวดได้กำชับให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน เฝ้าระวังโดรนที่ขึ้นบินในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เนื่องจากได้ตรวจสอบกับฝ่ายทหารแล้ว ยืนยันว่าโดรนปริศนาที่ตรวจพบไม่ใช่ของทหารไทย และในพื้นที่ก็ยังไม่มีระบบป้องกันโดรน (Anti-Drone System) จึงขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องบุคคลแปลกหน้าและวัตถุต้องสงสัย หากพบเห็นให้รีบแจ้งทางอำเภอทันทีเพื่อดำเนินการตรวจสอบและป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้น
สรุปความเสียหายจากปะทะในพื้นที่บ้านกรวด แม้หลังการเจรจาหยุดยิงจะยังไม่มีเหตุปะทะในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด แต่จากการออกสำรวจความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการสู้รบของฝ่ายปกครอง พบรายงานเบื้องต้นว่า กระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาตกลงในพื้นที่กว่า 240 ลูก ส่งผลให้ บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4 หลัง , สัตว์เลี้ยง (วัว) เสียชีวิต 3 ตัว , ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 3 คน , ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย และเสียชีวิต 1 นาย , รถยนต์เสียหาย 2 คัน
พื้นที่สวนยางพารา ทุ่งนา และพื้นที่เกษตรอื่นๆ ได้รับความเสียหายอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบข้อมูลความเสียหายที่แน่ชัดอีกครั้ง เพื่อประเมินและให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบต่อไป