
เปิดภาพ รพ. ไทย เสียหายหนัก หลัง กัมพูชารุกล้ำ เข้าโจมตี
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง
โดย นายจิรายุ เปิดเผยว่า ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำของกัมพูชา จากเหตุโจมตีไม่เลือกเป้าหมายในพื้นที่ชายแดนไทย โดยกล่าวว่า ประเทศไทยยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือน ซึ่งแตกต่างจากการกระทำของกัมพูชาอย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ รายงานล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ เวลา 10.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระบุว่า การโจมตีของกัมพูชาได้ส่งผลให้พลเรือนได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ พบผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 ราย โดยยังคงนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 11 ราย และมีผู้ป่วยที่สามารถกลับบ้านได้แล้ว 13 ราย ซึ่งในส่วนของสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะ มีรายละเอียดดังนี้
โรงพยาบาลที่ต้องปิดให้บริการทั้งหมด 11 แห่ง ได้แก่ รพ.น้ำขุ่น น้ำยืน นาจะหลวย กันทรลักษ์ ภูสิงห์ กาบเชิง พนมดงรัก ปราสาท บ้านกรวด เฉลิมพระเกียรติ และละหารทราย
โรงพยาบาลที่ต้องปิดบริการบางส่วนจำนวน 9 แห่ง โดยยังคงเปิดให้บริการเฉพาะห้องฉุกเฉิน
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบรวม 144 แห่ง โดยปิดให้บริการ 140 แห่ง และเปิดบางส่วน 4 แห่ง
ทั้งนี้ มีสถานพยาบาล 4 แห่งที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีโดยตรง และอยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยมิได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันที ด้วยการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษจำนวน 1,168 ทีม ประกอบด้วย MERT ALS MCATT และ SEhRT ซึ่งได้ลงปฏิบัติงานแล้วกว่า 494 ทีม นอกจากนี้ ยังมีการจัดทีมดูแลด้านสุขภาพจิตให้แก่ผู้พักอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้วมากกว่า 21,430 คน
นอกจากนี้ นายจิรายุ กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า รัฐบาลไทยยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง และขอให้ทุกฝ่าย ทั้งสื่อมวลชน องค์กรระหว่างประเทศ และประชาคมโลก ช่วยกันเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชารับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว พร้อมกันนี้ ไทยยังคงยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ โดยขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเก็บรวบรวมหลักฐาน เพื่อเป็นประจักษ์พยานให้สังคมโลกได้รับทราบต่อไป