
ทักษิณแจง ปมขัดแย้งไทย กัมพูชา ชี้ไม่เกี่ยว สองตระกูล
วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาไขข้อข้องใจกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ความสัมพันธ์ตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาเกิดจากความบาดหมางของสองตระกูลการเมือง โดยยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องของความขัดแย้งระหว่างตระกูล ไม่ใช่เลย แต่เป็นเพียงความผิดพลาดในกระบวนการทำงานและยุทธวิธีในระดับนโยบายความมั่นคง
นายทักษิณเล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่มีการเสริมกำลังทหารตามแนวชายแดน จนเจ้าตัวรู้สึกกังวลและได้โทรศัพท์สอบถามว่า จะทำสงครามกันหรือ? ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงจัดตั้งคณะกรรมการร่วมชายแดนไทย-กัมพูชา (JBC) เพื่อเปิดช่องทางพูดคุยและลดความตึงเครียด
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเริ่มต้นขึ้นเมื่อฝ่ายกัมพูชาตัดสินใจถอนกำลังทหารในวันอาทิตย์ โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ขณะที่ฝ่ายไทยมีแผนปิดด่านในวันจันทร์ตามคำสั่งยุทธการที่วางไว้ก่อนหน้า เมื่อเกิดเหตุการณ์ซ้อนทับเช่นนั้น จึงกลายเป็นประเด็นที่อีกฝ่ายไม่พอใจ และทำให้เกิดกระแสต่อว่าผ่านสื่อโซเชียลอย่างรุนแรง
นายทักษิณยังเปิดเผยว่า ความไม่พอใจอีกกรณีหนึ่ง เกิดขึ้นจากการที่ผู้นำกัมพูชา แกล้งหลับ ระหว่างการเจรจา แม้ทางฝ่ายไทยจะเตรียมคณะรัฐมนตรีสำคัญร่วมเดินทางไปด้วยก็ตาม สุดท้ายฝ่ายไทยจึงตัดสินใจเดินทางกลับ แต่กลับมีการโทรศัพท์มาในระหว่างทางและพบว่ามีการบันทึกเสียง ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า ทั่วโลกไม่มีใครยอมรับวิธีแบบนี้ เพราะละเมิดมารยาททางการทูตอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ นายทักษิณย้ำว่า ปัญหาดังกล่าวไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือกลุ่มการเมืองใด หากแต่เป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่และยุทธศาสตร์ที่ไม่สอดคล้องกัน พร้อมยืนยันว่า สมัยตนดำรงตำแหน่งนายกฯ ก็ให้ความสำคัญกับอธิปไตยของประเทศเป็นอันดับแรก
เขายกตัวอย่างเหตุการณ์ ยุทธการโปเชนตง เมื่อปี 2546 ที่สถานทูตไทยในพนมเปญถูกวางเพลิงว่า ตนได้สั่งการให้ส่งเครื่องบินและคอมมานโดไปรับคนไทยกลับประเทศ พร้อมจัดเรือหลวงจักรีนฤเบศรไปลอยลำเพื่อเตรียมความพร้อมในการอพยพ ยืนยันว่า ทุกการตัดสินใจในขณะนั้นคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
เรื่องของประเทศต้องมาก่อนเสมอ ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้นำประเทศอื่น เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรปะปน นายทักษิณกล่าวทิ้งท้าย