
สภาฯ ไฟเขียว ขยายวันลาคลอด 120 วัน สามีลาช่วยเลี้ยงลูกได้ไม่เกิน 15 วัน นายจ้างจ่ายเต็ม
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ณ อาคารรัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ซึ่งได้เข้าสู่วาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่...) พ.ศ. .... ในวาระที่ 2 โดยเป็นร่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญได้นำกลับไปแก้ไขเพิ่มเติมจากการประชุมในสมัยก่อนหน้า
หลังจากพิจารณารายละเอียดของร่างกฎหมายในวาระ 2 ครบทุกมาตราแล้ว ที่ประชุมได้ลงมติในวาระที่ 3 โดยมีเสียงเห็นชอบจำนวน 416 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง และไม่มีเสียงคัดค้านหรือผู้ไม่ลงคะแนนเสียงเพิ่มเติมแต่อย่างใด ซึ่งถือว่าที่ประชุมเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่นี้ และจะมีการส่งต่อร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังวุฒิสภาพิจารณาในลำดับถัดไป
สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นการลาคลอดและการดูแลบุตร ดังนี้
- ขยายระยะเวลาการลาคลอดสำหรับลูกจ้างหญิง จากเดิม 98 วัน เป็น 120 วัน เพื่อสนับสนุนการมีบุตร ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของลูกจ้าง และส่งเสริมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในครอบครัว
- เพิ่มสิทธิลาหลังคลอดในกรณีที่บุตรมีภาวะเจ็บป่วยหรือความผิดปกติ โดยลูกจ้างหญิงสามารถลาต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้ หากบุตรมีปัญหาด้านสุขภาพ หรืออยู่ในภาวะพิการ
- ให้สิทธิลากับลูกจ้างที่ต้องการช่วยคู่สมรสดูแลบุตรหลังคลอด โดยลูกจ้างชายสามารถขอลาเพื่อช่วยเหลือภรรยาที่คลอดบุตรและมีสิทธิได้รับค่าจ้างจากนายจ้างในช่วงวันลาได้เช่นกัน
- ปรับปรุงเงื่อนไขการจ่ายค่าจ้างในช่วงลาคลอด โดยกำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างหญิงในช่วงลาคลอดเท่ากับค่าจ้างในวันทำงาน คิดเป็น 50% ของค่าจ้างรายวันตลอดช่วงเวลาที่ลา
- จ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างชายที่ลาเพื่อช่วยดูแลภรรยาและบุตร ได้รับค่าจ้างในอัตราเต็มจำนวนเท่ากับค่าจ้างวันทำงานเช่นกัน แต่จำกัดระยะเวลาไม่เกิน 15 วัน
การผ่านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการส่งเสริมสิทธิแรงงานของประเทศไทย โดยเฉพาะการสนับสนุนบทบาทของพ่อแม่ในการดูแลบุตรตั้งแต่แรกเกิดอย่างมีคุณภาพและเท่าเทียมกันมากขึ้น