เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง หมู่ที่8 ตำบลท่าตลาด อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้นำหมายจับกุม บุกเข้าควบคุมตัวนางพชรพร พัศรานุวัตร (สีกาเตย) และเรือตรีฉัตรชัย สีเลี้ยงหรือชุน สามี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รวบรวมหลักฐานตนเป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินของวัดไร่ขิง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ทางคนใน จะได้แจ้งเบาะแสว่าทั้งคู่มีพฤติกรรมเป็นมาเฟียที่สามารถควบคุมการสั่งการของนายแย้มได้ และน่าจะมีเส้นสายทางการเงินเล็ดรอดออกไปหลายล้านบาทในระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบได้ประสานกับพระครูธีรวัฒน์ (บัญชา) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เพื่อให้ติดต่อบุคคลที่อยู่ภายในค่ายลูกเสือให้ออกมาเปิดประตูแต่ไม่เป็นผล จากนั้นจึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเลาะกำแพงด้านข้างซึ่งเป็นดงหญ้ารกร้างและมีเศษกระจกจากการก่อสร้างตกอยู่เกลื่อนเส้นทาง เพื่อบุกเข้าไปอยู่ภายใน โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการเดินไปยังอาคารจอดรถซึ่งเป็นที่พักของคนงาน และ สีกาเตย รวมถึง นายชุน สามีซึ่งพักอยู่ภายใน ได้ออกมาแสดงตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้มีการอ่านหมายและแจ้งข้อกล่าวหาโดยได้ตรวจสอบพื้นที่ภายในเบื้องต้น และได้ควบคุมตัวสีกาเตย ขึ้นมาบนรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ท สีขาวทะเบียน ญฎ 8822 กรุงเทพ ซึ่งเป็นรถที่นายแย้มเคยใช้กิจวิมลครั้งยังเคยรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ส่วนนายชุน สามีได้ควบคุมตัวมาบนรถกระบะยี่ห้อฟอร์ดสีน้ำเงิน 6 กฉ 1221 กรุงเทพ โดยมีผู้กองธร เป็นผู้ควบคุมตัวแยกกันมา และได้มีการยึดรถจักรยานยนต์สีแดงหนึ่งคันเพื่อไปตรวจสอบ

ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังควบคุมตัวทั้งคู่ออกจากค่ายลูกเสือ ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสยื่นสอบความรู้สึกของสีกาเตย โดยเจ้าตัวมีสีหน้านิ่งเฉยสงบนิ่ง เพียงแต่พูดกับสื่อเพียงสั้นสั้นว่า ได้มีการให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทั้งหมดแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เคลื่อนรถออกจากจุด ที่ทำการจับกุมและนำตัวทั้งคู่พร้อมของกลางเข้าที่กองบังคับการกองปราบปรามเพื่อทำการสอบสวนต่อไป

ทั้งนี้ สีกาเตย เพิ่งมีการจัดงานฉลองวันเกิดไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 68 ที่ผ่านมา ได้ตกเป็นเป้าหมายว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเงินรายได้ของวันไร่ขิง ผ่านนายแย้ม อินจันทร์เมือง หรืออดีตเจ้าคุณแย้ม โดยพบว่ามีข้อมูลเข้ามาตีสนิทและเป็นคนคุ้นเคยตั้งแต่เมื่อปีพุทธศักราช 2551 โดยมี แหล่งข่าวซึ่งเป็นบุคคลภายในชี้เบาะแสว่านี่คือบุคคลที่มีอิทธิพลต่อนายแย้ม ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส โดยสามารถสั่งการให้มีการจัดรายได้เพื่อเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง รวมถึงชี้เป็นชี้ตาย ให้กับเจ้าหน้าที่ภายในวัด ก่อนจะก้าวขึ้นมามีรายได้จากร้านกาแฟอินทณัฐ ทั้งสองสาขา และเปิดค่ายเพลง ช่อฟ้า เรคคอร์ด ซึ่งหากมีการประเมินรายได้แล้ว ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา น่าจะมีเงินไหลออกจากในแย้มไปถึงสีกาเตย เป็นหลัก 100 ล้านบาท

ซึ่งข้อมูลล่าสุดพบว่า สีกาเตย และเสี่ยชุน ได้มีการยึดสถานที่ค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิวัดไร่ขิงแห่งนี้เป็นที่พักอาศัยมานานนับแรมปี ซึ่งหลังจากที่มีกระแสต่อเนื่องมาถึง ทั้งคู่ ก็ยังมีการปักหลักอาศัยอยู่ในสถานที่ดังกล่าวซึ่งมีการแบ่งซอยห้องติดกับตัวอาคารจอดรถ ซึ่งตัวรถหลายคันก็ระบุชื่อว่าเป็นชื่อของสีกาเตยและสามี และก่อนหน้าได้มีกระแสเรียกร้องให้มีการขับไล่ทั้งคู่ออกจากพื้นที่วัดไร่ขิง เนื่องจากเป็นเหมือนผู้มีอิทธิพล โดยจะเห็นได้จากวันที่มีการประสานงานเข้ามาขอเปิดสถานที่ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ ได้ทราบว่าทั้งคู่ยังอาศัยอยู่ ได้หลบออกไปเพื่อไม่อยากให้เห็นตัวและไม่อยากมีการปะทะกันเกิดขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการระบุว่า สีเตย และเสี่ยชุน ได้มีการไปจัดสร้างรีสอร์ทที่จังหวัดสุโขทัย และเปิดร้านกาแฟชื่อบ้านพักกาแฟ โดยมีการนำบ้านน็อคดาวน์ไปติดตั้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าวหลายหลัง แต่สืบทราบมาว่าไม่ได้มีรายได้จากธุรกิจดังกล่าวมากนัก ส่วนอีกที่คือการจับจองที่อุทยานในอำเภอภุมมโนรมย์ จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดตามสืบค้นหาหลักฐานและข้อมูลดังกล่าว ว่าจะมีการนำเงินที่ได้จากนายแย้มและวไร่ขิงออกไปใช้ในธุรกิจอื่นอีกหรือไม่อย่างไรรวมถึงจะมีการติดตามเส้นทางทางการเงินไปกับทุกคนที่เกี่ยวพันโดยเฉพาะบุตรสาวซึ่งมีข้อมูลว่ามีเงินอยู่ในบัญชีเป็นหลักล้านบาท

โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานต่างๆที่เข้าทำการสอบสวนในพื้นที่ ได้มีการประสานงานกันเพื่อตรวจสอบเส้นทางทางการเงินและอาจจะมีการออกหมายจับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากสี่คนที่ ถูกจับกุมครบแล้ว ซึ่งต่อจากนี้อาจจะมีการตรวจสอบทรัพย์สินภายในค่ายลูกเสือซึ่งมีการระบุว่าทั้งสองสามีภรรยาได้นำอุปกรณ์ที่มีค่ามาสะสมเก็บไว้ที่นี่แต่ไม่ทราบว่าจะมีการเคลื่อนย้ายออกไปตั้งแต่ช่วงที่มีข่าวหรือไม่อย่างไร

ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครปฐม รายงาน