
ตำรวจไซเบอร์ล่าขบวนการหลอกเทรดหุ้นออนไลน์ ตุ๋นเหยื่อเกลี้ยงกว่า 7.4 ล้าน ตามอายัดทัน 2 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย
วันที่ 1 พ.ค. 68 ที่ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตร์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน EP.2 ตำรวจไซเบอร์ล่าขบวนการหลอกเทรดหุ้นออนไลน์ ตุ๋นเหยื่อเกลี้ยงกว่า 7.4 ล้าน ตามอายัดทัน 2 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดดำเนินการ ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน” โดยก่อนหน้านี้ได้มีผู้เสียหายวัย 81 ปี ได้ถูกมิจฉาชีพโทรข่มขู่ต่อเนื่องถึง 4 วัน โดยไม่ให้วางสายโทรศัพท์ และหลงเชื่อโอนเงินรวม 4 ครั้ง เป็นจำนวน 4.4 ล้านบาท ต่อมา ตำรวจไซเบอร์สามารถจับกุมผู้ต้องหากลุ่มบัญชีม้าและสามารถประสานธนาคารเพื่ออายัดเงินไว้ได้ทัน จำนวน 2 ล้านบาท และนำคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในโครงการ “Money Cash Back” ไปเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด ได้มีผู้เสียหายรายหนึ่ง มีความสนใจในเรื่องการลงทุนเทรดหุ้น จึงได้ค้นหาข้อมูลการลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย จนพบกับโฆษณาบนเฟซบุ๊กที่น่าสนใจ จึงได้ติดต่อพูดคุยกับเฟซบุ๊กดังกล่าวโดยไม่คิดเลยว่าเป็นมิจฉาชีพ จากนั้นคนร้ายได้แนะนำการลงทุน การซื้อขายหลักทรัพย์ โดยอ้างผู้มีชื่อเสียงด้านการลงทุนที่ประสบความสำเร็จระดับประเทศเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
จากนั้น ผู้เสียหายได้ถูกชักชวนเข้ากลุ่มไลน์ และมีผู้อ้างตัวเป็นอาจารย์และเลขาฯ คอยทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้เสียหายในขั้นตอนการลงทุน รวมถึงการพูดคุยปรับทุกข์ สร้างความสนิทสนม เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องการลงทุน ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงเริ่มโอนเงินลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม ชื่อ “หลักทรัพย์ MACQUARIE”
ในช่วงแรกผู้เสียหายสามารถถอนต้นทุนและกำไรกลับคืนได้ ยิ่งทำให้หลงเชื่อว่าเป็นพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นจริงๆ จึงทำให้ผู้เสียหายลงทุนเพิ่มมากขึ้น สุดท้ายหลงเชื่อโอนเงินรวม 10 ครั้ง เป็นจำนวน 7,483,794.73 บาท เมื่อผู้เสียหายต้องการถอนเงินออกจากระบบ คนร้ายได้อ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อประวิงเวลาและหลอกล่อให้โอนเงินลงทุนเพิ่มขึ้น สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้
ภายหลัง พ.ต.ท.ชัยวงศ์ ทองน้อย สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ในสังกัด ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้แล้วจำนวน 7 ราย โดยพบว่า ผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวยังมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับคดีออนไลน์อื่นอีกมากถึง 73 คดี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้แล้ว จำนวน 4 ราย ส่วนที่เหลืออีก 3 รายยังหลบหนี และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว
เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ยอมรับสารภาพว่าได้เปิดบัญชีขายให้กับนายหน้าที่รับซื้อบัญชีธนาคาร เพื่อขายต่อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในราคาบัญชีละ 10,000-15,000 บาท จึงดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน” โดยประสานกับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง จนสามารถอายัดเงินในบัญชีธนาคารของ 1 ในผู้ต้องหาไว้ได้ จำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นบัญชีของ นายณัฐสิทธิ์ อายุ 20 ปี โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานธนาคารเจ้าของบัญชี เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าบัญชีดังกล่าว มีเงินของผู้เสียหาย จำนวน 2 ล้านบาท ได้ถูกโอนเข้ามาในบัญชีของ นายณัฐสิทธิ์ ตามวันและเวลา ตรงตามหลักฐานของผู้เสียหาย และ นายณัฐสิทธิ์ เอง ขอไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์เงินในบัญชีธนาคารจำนวน 2 ล้านบาท เนื่องจากตนเองรู้ดีว่าเป็นเงินที่ตนเองไม่มีสิทธิที่จะได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และยินดีคืนให้แก่ผู้เสียหายในคดีนี้
โดยวันนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงิน จำนวน 2 ล้านบาทดังกล่าว มอบคืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน”
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน