พลตำรวจตรี ธวัชเกียรติ ระบุว่า การจับกุมพ่อเลี้ยง เนื่องจากตำรวจ สภ.หนองใหญ่ และกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้ตรวจสอบหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ในวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ 2568 บริเวณโรงเรียน, ห้องพัก, สถานที่ทำงาน และเส้นทางการเดินทางของผู้เกี่ยวข้องในคดี

ประกอบกับได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ พบว่าสถานที่เกิดเหตุไม่อยู่ภายในบริเวณโรงเรียน แต่เกิดเหตุหลังจากนั้นในช่วงเวลา 17.00-19.00 น. พ่อเลี้ยงอยู่ที่ห้องพักกับเด็กหญิง 10 ขวบตามลำพัง ซึ่งจากการรวบรวมพยานหลักฐานอื่น ๆ เชื่อได้ว่า พ่อเลี้ยงเป็นผู้กระทำความผิดกับเด็กหญิงวัย 10 ขวบ

อย่างไรก็ตาม พ่อเลี้ยงยังให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ให้การอะไรที่เป็นประโยชน์กับคดี อย่างไรก็ตาม หากสืบสวนไปแล้วพบว่าแม่เด็กมีส่วนรู้เห็น ก็จะถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน

ส่วนขณะที่แม่ของพ่อเลี้ยง มาที่โรงพักหลังลูกชายถูกจับ และยังเชื่อมั่นในตัวลูกชายว่าไม่ใช่ผู้ต้องหาในคดีนี้ ส่วนแม่เด็ก ก็ยังเชื่อว่า ลูกสาวถูกกระทำโดยชาย 3 คน แต่จะถูกกระทำที่จุดไหน บริเวณใด ยังไม่ยืนยัน

ย้อนไปเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พ่อเลี้ยงและแม่เด็กให้สัมภาษณ์ทีมข่าว ซึ่งพ่อเลี้ยงยอมรับว่ากังวลใจ เพราะสังคมพุ่งเป้ามาที่คนในครอบครัวที่ทำให้น้องบาดเจ็บ

วันนั้นพ่อเลี้ยงยืนยันเสียงแข็ง มีไทม์ไลน์ในช่วงที่เกิดเหตุชัดเจน ตัวเองไม่ได้อยู่บ้าน และถ้าหากทำจริง การใช้ไม้แทงแบบนั้น เด็กจะต้องร้องเสียงดังจนคนแถวบ้านได้ยินหรือไม่ ส่วนภาพที่ตัวเองส่งให้ตำรวจ เป็นการสันนิษฐานเพราะเคยเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน คาดว่าอาจจะเกิดที่นี่ จึงถ่ายคลิปนำไปถามลูกว่าเกิดขึ้นบริเวณดังกล่าวจริงหรือไม่

พ่อเลี้ยงบอกด้วยว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดที่แม่มารับลูกจากโรงเรียน ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เห็นน้องนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์แม่ หลายคนสงสัยว่าถ้าหากน้องบาดเจ็บ ทำไมถึงนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ได้ ยืนยันว่าที่เห็นน้องนั่งแบบนั้น ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ เขาเจ็บ แต่อดทน และคิดว่าตัวเองทำผิด กลัวโดนดุด่า จึงไม่กล้าบอกใคร

พ่อเลี้ยงยังอ้างด้วยว่า เช้าวันที่ 12 กุมภาพันธ์ น้องก็ไปวิ่งเล่นอยู่กับหลานตัวเอง หลานก็บอกว่าน้องมีอาการบาดเจ็บ บ่นเจ็บตลอดเวลาและเข้าออกห้องน้ำเพื่อชำระเลือด สุดท้ายพ่อเลี้ยงยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้อง ช่วงเกิดเหตุ ตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน และอยากบอกสังคมว่ารักลูก ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน

ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง โพสต์ถึงข้อพิรุธในคดี โดยระบุว่า เริ่มสงสัยพ่อเลี้ยงคือตอนที่จับเข่านั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาก็พูดชักแม่น้ำทั้งห้า พูดเป็นต่อยหอย แต่มีจังหวะหนึ่งที่พ่อเลี้ยงพูดออกมาว่า ช่วงเลิกเรียนตอนหัวค่ำ น้องเดินเข้าห้องน้ำไม่หยุดเลย ทาง อ้อ ก็เลยเอ๊ะ เพราะตอนที่สอบแม่ แม่เล่าว่าช่วงเวลาดังกล่าวตั้งแต่แม่กลับมาส่งน้องถึงบ้านแม่ออกไปทำโอทีต่อเลิก 21.00 น. คำให้การของพ่อจึงเติมเต็มช่องว่างเวลาในช่วงหัวค่ำที่ว่า น้องอยู่กับใคร

จริง ๆ แล้ว อ้อ ทราบตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าเป็นพ่อเลี้ยง 99.99% แต่เจ้าหน้าที่ขอรอคำยืนยันจากเด็กอีกครั้งหนึ่ง และวันนี้น้องได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ เมื่อตอนเช้าว่าคนที่ทำน้องเป็นพ่อเลี้ยงจริง ๆ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการออกหมายจับทันที อีกโพสต์ ต้นอ้อ ระบุว่า วันแรกที่เจ้าหน้าที่ไปสอบน้อง น้องมีท่าทีที่กลัวมาก เจ้าหน้าที่จึงถามและให้น้องพยักหน้าตอบใช่ หรือ ไม่ใช่ อย่างเดียว มีคำถามหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ถามน้องว่า มีคนสั่งให้หนูไม่พูดใช่ไหมลูก น้องพยักหน้าตอบ

ด้านแม่เด็ก 10 ขวบ เปิดเผยกับข่าวเย็นประเด็นร้อนว่า วันที่ 11 กุมภาพันธ์ วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 21.00 น. ตนเลิกงานกลับมาถึงห้อง เห็นลูกนอนหลับแล้ว แต่สังเกตลูกหน้าซีด ๆ ก็แปลกใจ ทำไมลูกนอนหลับเร็ว เพราะปกติลูกจะนอนพร้อมตนเวลา 22.00-23.00 น.

จากนั้นวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ช่วงตอน 12.00 น ตนเรียกลูกชายกับลูกสาวกินข้าว แต่ลูกสาวไม่ยอมลุกจากเตียงมากิน ลูกบอกลุกไม่ไหว จึงให้เงินลูกไปซื้อบะหมี่สำเร็จรูปมากิน แต่พอเห็นลูกอาการไม่ดี จึงถามลูกว่าเป็นอะไร ให้ลูกลุกขึ้นมานั่ง พอลูกลุกขึ้นมานั่ง ก็เห็นเลือดอยู่เต็มกางเกง ลูกบอกว่า เล่นกับเพื่อนแล้วถูกไม้ทิ่ม จึงพาลูกไปหาหมอ

หลังข่าวนี้สะพัดออกไป ตนกับสามี ถูกกระแสสังคมโจมตีว่าก่อเหตุทำร้ายลูกเลี้ยง ทำให้ตอนนี้รู้สึกเครียดมาก กินข้าวไม่ลง ปวดหัว ส่วนสามียิ่งเป็นหนัก มีอาการเหม่อลอย กระทั่งล่าสุดเมื่อเช้านี้ สามีถูกตำรวจจับ ตนไม่เชื่อว่าสามีจะเป็นคนก่อเหตุ เพราะตลอดระยะคบกับสามีมา 10 ปี สามีรักลูกเลี้ยงทั้ง 2 คนมาก ไม่เคยตีเลยสักครั้ง มีดุบ้าง เวลาเด็กกลับบ้านดึก แถมสามีเป็นคนจิตใจดี ไม่เคยทำร้ายใคร แม้แต่มดเขายังไม่กล้าฆ่าเลย แต่ถ้าหากมีหลักฐานว่า ก่อเหตุจริง ก็อยากให้ถูกดำเนินคดี แต่สามีก็ยืนยันกับตนว่าไม่ได้ก่อเหตุจริง ๆ ขนาดเมื่อคืนนี้ตำรวจเรียกให้สามีไปพบ สามีตนก็ไปปกติ และเมื่อเช้าตำรวจโทรเรียกให้ไปเซ็นเอกสาร สามีก็ไปพบตำรวจ แต่พอสามีถึงสถานีตำรวจกลับถูกจับกุมทันที

และล่าสุดในรายการถกไม่เถียง นักจิตวิทยา ได้ถามแม่ว่า จะให้เรียงลำดับความสำคัญ คือ 1.ทัวร์ลงแม่ 2.กังวลสามีติดคุก 3.ลูกอยู่ไอซียู

โดยแม่ได้เลือก ตนเองก่อน และเลือกลูกอันดับสุดท้าย จนทำทั้งรายการช็อก

คลิป