แม่ใจสลาย รับร่างฮีโร่กลับวัด เผยลูกอยากเป็นนักดับเพลิงช่วยสังคม ตั้งใจบวชแทนคุณเดือนหน้าครบ 35 ปี

แม่ใจสลาย รับร่างฮีโร่กลับวัด เผยลูกอยากเป็นนักดับเพลิงช่วยสังคม ตั้งใจบวชแทนคุณเดือนหน้าครบ 35 ปี

จากเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารพาณิชย์  บจก.ดับบลิว อีเล็คโทรนิคส์ เลขที่ 62/12 - 13  ม.3 ริมถนนเอกชัย – บางบอน ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.ของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเหตุดังกล่าวนอกจากสองสามีภรรยาเจ้าของบ้านจะเสียชีวิตแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลนครสมุทรสาคร ก็ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ฯ อีก 2 คน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 1 คน จากเหตุถูกไฟฟ้าแรงสูงช๊อต คือ นายอัครนิธ์ (บูม) บึงใส อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครสมุทรสาคร

เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครสมุทรสาครโดยพบกับนายโกเมน ปานดี อายุ 48 ปี พนักงานดับเพลิงของเทศบาลนครสมุทรสาคร บอกว่า ความรู้สึกที่ตนสูญเสียเพื่อนร่วมงานในครั้งนี้คือ ใจหาย ไม่น่าจะไปเร็วขนาดนี้ พูดไม่ออก ซึ่งอุปนิสัยของนายบูมนั้น ช่วยเหลืองานดี เต็มที่กับงาน และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน เป็นคนสู้งานไม่เกี่ยงงาน

ส่วนทางด้านของ นายคณฑี ธนิกกุล หัวหน้างานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครสมุทรสาคร กล่าวว่า สำหรับตนและพนักงานป้องกันทุกคนก็มีความรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียพนักงานคนนี้ไป เขาทำงานมาประมาณ 8 ปี เป็นคนตั้งใจทำงาน ขยัน มีความรู้ความสามารถ เคยเป็นตัวแทนของเทศบาลไปประกวดเรื่องดับเพลิงจนได้รางวัลชนะเลิศมา พนักงานทุกคนรวมทั้งผู้บริหารของทางเทศบาลฯ ก็มีความรู้สึกเสียใจกับส่วนตรงนี้ที่เกิดขึ้นมา เราทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วเราต้องทำงานให้ดีที่สุด เพื่อทดแทนกับสิ่งที่สูญเสียไป และต้องหาทางเยียวยาช่วยเหลือกับทางครอบครัวของเขา ตอนนี้ทางจังหวัดก็ได้เข้ามาช่วยในส่วนของตรงนี้ด้วยแล้ว

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ศูนย์สันตินิรามัย โรงพยาบาลสมุทรสาครพบกับ นางสุรัช บึงใส อายุ 59 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต บอกว่า ความรู้สึกของตนนั้นตนรู้สึกเสียใจมากเพราะว่าเขาเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำงานเลี้ยงดูแม่และลูกๆ ส่วนที่เขาเลือกจะเป็นนักดับเพลิงเพราะเขามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่อยากจะช่วยเหลือสังคม เขาไม่เคยไปสมัครงานโรงงานไหนเลย บอกกับแม่ว่าอยากทำงานดับเพลิงเวลามีเหตุจะได้เข้าไปช่วยเหลือและเขามีความภาคภูมิใจกับงานที่ทำ กับชุดที่ใส่เป็นอย่างมาก แม้บางครั้งจะกลับมาบ้านด้วยท่าทีที่เหนื่อยอิดโรยนอนทั้งชุดทำงานไม่มีแรงจะถอดออก แต่ไม่เคยรู้สึกถอดใจหรือท้อกับงานที่ทำอยู่ ทุกวันนี้เขาก็ดูแลลูกสาวไปด้วยทำงานไปด้วย ส่วนลูกชายอีก 2 คน อยู่กับแม่ของเด็กๆ โดยล่าสุดแม่ได้เจอกับบูมก่อนเกิดเหตุ 1 วัน วันนั้นช่วงที่แม่ว่างจากการทำงานแล้วเดินไปหาลูกที่ศูนย์ดับเพลิงฯ ลูกก็บอกว่าให้แม่ข้ามถนนดีๆ อีกทั้งยังซื้อโจ๊กมาให้แล้วบอกว่าให้แม่ป้อนข้าวลูกสาวให้ด้วย นั่นคือครั้งสุดท้ายที่แม่ได้เจอหน้าลูกชาย ซึ่งก็ไม่เคยคิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีกเลย

แม่ของบูมยังบอกอีกว่า บูมไม่เคยกลัวกับงานที่ทำแม้รู้ว่าอันตราย ส่วนแม่เองก็ได้แต่เตือนลูกชายว่าให้ทำงานด้วยความระมัดระวัง ไม่เคยห้ามหรือขอร้องให้ลูกออกจากงานที่รักและเป็นความใฝ่ฝันความตั้งใจของเขา แต่ที่บูมมีความตั้งใจอีกอย่างหนึ่งแต่ยังไม่ได้ทำคือ การบวชแทนคุณแม่ ซึ่งบูมเคยบอกไว้ว่า อายุครบ 35 เมื่อไหร่จะบวชให้แม่และอุทิศส่วนกุศลให้พ่อที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2566 ซึ่งวันที่ 26 มีนาคม 2568 หรือเดือนหน้านี้ ลูกก็จะอายุ 35 ปี จะได้บวชให้แม่และพ่อแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทำตามความตั้งใจสุดท้ายของเขา ส่วนอนาคตหากลูกของบูมอยากจะเป็นนักดับเพลิงแบบพ่อ ก็จะไม่ห้ามหลานให้เขาได้ทำตามความฝันของตัวเอง และเป็นการสานฝันของพ่อเขาอีกด้วย

สำหรับเขา บูม คือ ฮีโร่ของแม่ เขาคือ ฮีโร่ของคนทั้งประเทศ เขาทำดีที่สุดแล้ว และเขายังได้บริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทย นับเป็นความภูมิใจในตัวลูกมากๆ ชาติหน้าฉันใดก็ขอให้เขากลับมาเป็นแม่ลูกกันอีก ซึ่งเมื่อคืนแม่ก็ได้บอกลูกว่าไม่ต้องห่วงแม่ ไม่ต้องห่วงลูก ทุกคนทางนี้จะช่วยกันดูแลให้ดีที่สุด ส่วนศพนั้นจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดกาหลง ต.กาหลง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และจะฌาปนกิจศพ เวลา 17.00น. วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568

ทั้งนี้เมื่อเวลา 09.30 น.(วันนี้) นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายแพทย์ศุภฤทธิ์ เฮงคราวิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร ได้ร่วมกันมอบเกียรติบัตรจากสภากาชาดไทยให้แก่นาย อัครนิธ์ บึงใส ที่ได้อุทิศดวงตาให้ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย โดยมีนางสุรัช บึงใส มารดาของผู้เสียชีวิตเป็นผู้รับมอบ นับเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจของครอบครัวบึงใส ในการนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ยังได้กล่าวขอบคุณถึงความกล้าหาญและความเสียสละของผู้เสียชีวิตและกล่าวให้กำลังใจแก่ครอบครัวที่ต้องสูญเสียบุคคลสำคัญ โดยทางจังหวัดจะให้การดูแลช่วยเหลือเยียวยาให้ถึงที่สุดตามสิทธิประโยชน์ที่นายอัครนิธ์ บึงใส พึงจะได้รับตามกฎหมาย

สำหรับนายอัครนิธ์ บึงใส เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2533 ปัจจุบันเป็นพนักงานจ้างชั่วคราวสังกัดเทศบาลนครสมุทรสาคร มีบุตรทั้งหมด 3 คน มีพี่น้อง 4 คน เป็นลูกคนที่ 3 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัด สมุทรสาคร รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ