ไขคดี 3 พ่อแม่ลูก จอดทิ้งหน้าบ้านร้าง พบเบาะแสสำคัญแล้ว

ไขคดี 3 พ่อแม่ลูก จอดทิ้งหน้าบ้านร้าง พบเบาะแสสำคัญแล้ว

รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี ตำรวจ สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร พบศพ 3 ชีวิต พ่อแม่ลูก อยู่ในรถกระบะถูกคลุมผ้าขาว และมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมา จอดอยู่ภายในบ้านร้างริมถนนพหลโยธิน พื้นที่หมู่ 10 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร จุดที่พบรถ เป็นบ้านร้างห่างจากถนนประมาณ 25 เมตร มีบ้าน 2 หลัง เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงและบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณหน้าบ้านชั้นเดียว พบรถกระบะ อีซูซุดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว ทะเบียนกำแพงเพชร จอดอยู่ มีผ้าใบสีขาวคลุมรถทั้งคัน มีแมลงวันตอมหึ่งและมีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง เจ้าหน้าที่นำผ้าคลุมออก และตรวจสอบภายในรถ พบว่า ที่นั่งข้างคนขับ มีศพผู้หญิงนั่งกอดศพเด็กชาย ที่เบาะหลัง พบศพชายนอนเหยียดยาว คาดว่าเป็นพ่อแม่ลูกกัน ทั้ง 3 ศพ มีสภาพเน่าเปื่อยและเริ่มแห้ง

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จึงเคลื่อนย้ายทั้ง 3 ศพ ออกมา โดยนำศพลูกชายออกมาก่อน ตามมาด้วยศพแม่ และศพพ่อ เพื่อเก็บหลักฐานและตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ พบว่า บริเวณกระจกหน้าฝั่งซ้าย มีกระสุนปืนไม่ทราบขนาดตกอยู่ 1 นัด จึงเก็บไว้ตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ตายทั้ง 3 ราย คือ นายวงศกร อายุ 37 ปี , น.ส.นันทกานต์ อายุ 35 ปี และ ด.ช.อายุ 7 ปี ทั้ง 3 คนได้หายตัวไปเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ญาติไม่สามารถติดต่อได้ จึงประกาศตามหาทางโซเชียลมาตลอด พร้อมแจ้งคนสูญหายไว้ที่ สภ.คลองขลุง 

โดยกล้องวงจรปิดหน้าบ้านผู้ตาย ใน อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร บันทึกภาพวันที่ 12 ม.ค. เวลา 18.36 น. เห็น 3 คนพ่อแม่ลูกกำลังเตรียมตัวจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง พ่อเป็นคนขับ แม่นั่งเบาะข้างคนขับ ส่วนลูกชายสวมชุดไดโนเสาร์ ปีนขึ้นไปนั่งท้ายกระบะ ท่าทางน้องดีใจคล้ายกับจะได้ออกไปเที่ยว น้องกระโดดโลดเต้น และตอนที่รถกระบะถอยออกจากบ้าน ลูก 7 ขวบหันมาโบกมือให้กับกล้องวงจรปิดด้วย ผู้ที่พบศพเป็นคนแรก คือ นายโอภาส อายุ 29 ปี บอกว่ามาหาหนูบริเวณนี้ แล้วได้กลิ่นเหม็นเน่า เมื่อเดินตามกลิ่นมา พบรถกระบะถูกจอดทิ้งไว้ และมีผ้าคลุม ตนจึงลองแง้มดูป้ายทะเบียนรถ และจำได้ว่า เป็นรถคันเดียวกับที่มีคนประกาศตามหาคนหายไว้ ตนจึงกลับบ้านและรีบโทรบอกญาติผู้สูญหาย ให้มาดูรถคันดังกล่าว 

ซึ่งญาติมาดูและยืนยันว่าเป็นคนและรถที่หายไปจริง จึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ ส่วนบ้านร้างหลังนี้ เป็นของหญิง อายุ 59 ปี บอกว่า เป็นบ้านของลูกชายที่ไม่มีคนอยู่มาเป็นสิบปีแล้ว เพราะน้ำท่วมเป็นประจำ ลูกชายจึงย้ายไปอยู่ที่อื่น ช่วงหลังปีใหม่ ตนยังเข้ามาดูความเรียบร้อยที่บ้านหลังนี้ แต่ไม่พบรถกระบะคันดังกล่าว แต่หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้เข้ามาที่บ้านอีกเลย จนกระทั่งตำรวจโทรไปแจ้งว่า พบศพในรถกระบะมาจอดอยู่หน้าบ้าน

ขณะที่คุณต้น พิกุลทอง กู้ภัยในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า บ้านหลังที่รถคันนี้ไปจอด เป็นบ้านที่อยู่ลึกเข้าไป มีป่าหญ้าสูงบัง มีทางลึกเข้าไปประมาณ 20 เมตร สันนิษฐานว่าคนที่จะเอารถเข้าไปจอดที่จุดนี้ ต้องเคยเข้าไปมาก่อน เพราะถ้าขับรถผ่านเฉยๆ ไม่น่าจะรู้ เพราะจากข้างทางมองเข้าไปไม่เห็นบ้าน หมอหมู อ.โต้ง และ รองแต้ม วิเคราะห์ตรงกันว่า จากรอยกระสุนที่ยิงทะลุจากภายนอก ทะลุกระจกเข้าไปภายในโดนผู้หญิง กระสุนเข้าที่หน้าผากทะลุออกด้านหลัง ส่วนผู้ชาย ที่ศพไปเหยียดอยู่หลังรถ ก็น่าจะถูกยิงจากภายนอกตัวรถ แล้วลากศพขึ้นไปไว้ข้างหลังรถ ส่วนเด็ก ที่ต้องถูกฆาตกรรมด้วย น่าจะเพราะว่าคนร้ายเห็นว่ามีเด็กมาด้วย และเด็กโตพอที่จะเป็นพยานสาวมาถึงตัวผู้ก่อเหตุได้ จึงจำเป็นต้องฆ่าเด็กด้วย อ้างอิงจากคำให้การของชาวบ้าน ชี้จุดทุ่งนา ในพื้นที่หมู่ 8 บ้านร้อยไร่ ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งห่างจากจุดที่พบรถกระบะ ประมาณ 11 กิโลเมตร เป็นจุดที่ชาวบ้าน บอกว่า ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเสียงดัง จากนั้นได้ยินเสียงปืน ในช่วงเวลาประมาณ 2-3 ทุ่มของวันที่ 12 ม.ค. วันเดียวกันกับที่ทั้ง 3 คนหายไป แต่ชาวบ้านไม่กล้าออกมาดู เพราะกลัวอันตราย พอรุ่งเช้าจึงออกมาดู พบว่ามีรอยเลือดและมีกระสุนปืนตกอยู่ในจุดดังกล่าว จึงแจ้งผู้นำท้องถิ่นและแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ ตามเส้นทางดินลูกรังและถนนราดยางในหมู่บ้าน ซึ่งพบว่าสามารถออกไปยังถนนใหญ่ได้ และยังสามารถเชื่อมไปถึงจุดที่พบศพในรถกระบะได้ด้วย คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะใช้เส้นทางนี้ นำศพไปทิ้งอำพรางไว้ที่หน้าบ้านร้าง อ.โต้ง และ หมอหมู มองตรงกันว่า เชื่อได้ว่าคนร้ายมีมากกว่า 1 คน โดยมีคนที่ต้องเป็นผู้ขับรถกระบะของผู้ตายมาจอดที่จุดนี้

ขณะที่ระหว่างดำเนินรายการ มีการเปิดเผยข้อมูลสำคัญคือใบรับรองการตาย ยืนยันว่า ทั้ง 3 คน เสียชีวิตจากการถูกยิงเข้าที่ศีรษะทั้ง 3 คน โดยที่กะโหลกเด็กยุบ น่าจะเพราะว่าเป็นแรงอัดของกระสุนที่จ่อยิง โดยหลักฐานชี้ว่า อาวุธปืนปลิดชีพ เป็นปืนบีบีกันดัดแปลงเป็นอาวุธปืนจริง ซึ่งเป็นปืนที่ผู้ตายเป็นผู้ครอบครอง คาดว่าคนร้ายน่าจะแย่งไปจากผู้ตาย แล้วใช้ปลิดชีพทั้ง 3 คน และจากการสืบทราบว่า ปืนนี้เป็นปืนของบุคคลอื่น ที่เอามาไว้ให้ผู้ตายครอบครองไว้ แต่มีข้อมูลเชื่อได้ว่าเจ้าของปืนไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ขณะที่ บอล น้องชายของผู้ตายที่เป็นภรรยา เปิดเผยว่า

หลังจากที่พี่สาวกับพี่เขยหายไปหลายวัน ตนไปแจ้งความคนหาย และประกาศตามหา ปรากฏว่ามีข้อความจากเบอร์ปริศนา เป็นเบอร์แปลกๆ ส่ง SMS มาที่เบอร์โทรศัพท์ของบอล วันที่ 18 ม.ค. บอกว่า “พี่แจงนะ ไปแจ้งความทำไมเดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่โต พี่มาทำธุระกับพี่ใหม่ มันมารอเอาเงินอยู่ตีนเขา พรุ่งนี้ตอนค่ำ ๆ ก็กลับแล้ว ดูบ้านด้วยนะตื่นเปิดร้านด้วยบอกพ่อด้วยไม่ต้องห่วงทางนี้ เค้าไม่ให้ใช้โทรศัพท์ เลยต้องพิมพ์ฝากข้อความนี้ให้คนอื่นออกไปส่ง ไม่ต้องให้ใครรู้นะว่าพี่มาทำอะไรกัน ไปถอนแจ้งความเลยเดี๋ยวพี่ใหม่จะโดนตรวจสอบการเงินเอา ลาครูให้ไอ้อ้วนด้วย ใครมาฝากเงินก็จดไว้ให้หน่อยเดี๋ยวพี่กลับไปเคลียร์เอง อ่านแล้วก็ลบด้วย ไม่ต้องติดต่อกลับมานะ พรุ่งนี้ได้โทรศัพท์คืนเดี๋ยวโทรไปเอง” บอลจึงส่งข้อความถามกลับไปว่า “ไม่ต้องบอกใช่ไหม” แต่ข้อความดังกล่าว ส่งไปไม่ได้ โทรกลับไปก็โทรไม่ติด บอลบอกว่า ลักษณะการพิมพ์ข้อความ ไม่น่าใช่พี่สาว เพราะปกติ พี่สาวจะเรียกลูก 7 ขวบ ว่า “น้อง” แต่ในข้อความที่พิมพ์มา กลับใช้คำว่า “ไอ้อ้วน” และเรียกพี่เขยว่า “มัน” ทั้งที่พี่สาวไม่เคยเรียกสามีว่า “มัน” มาก่อน จึงคิดว่าอาจจะเป็นข้อความลวงจากคนร้าย ปลอมเป็นพี่สาวตน

ส่วนเรื่องพี่สาวปล่อยเงินกู้แล้วมีปัญหากับลูกหนี้หรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะพี่สาวไม่เคยเล่าให้ฟัง แต่ทราบว่า ช่วงหนึ่ง พี่สาวโพสต์เกี่ยวกับปัญหากับคนๆ หนึ่ง แต่ตนก็ไม่ได้ถามเพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่สาว ส่วนเรื่องประเด็นชู้สาวหรือยาเสพติด ตนก็ไม่แน่ใจ เพราะตนไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของครอบครัวพี่สาว แต่เบื้องต้น ตนไม่เห็นว่า พี่สาวหรือพี่เขยจะมีปัญหาชู้สาวกับใคร และหลังจากที่ครอบครัวพี่สาวหายตัวไป ก็ไม่มีคนแปลกหน้าเข้ามาหา มีแต่คนแถวบ้านที่รู้จักกัน วิเคราะห์จากข้อความที่เขาส่งให้บอล เชื่อว่า ถ้าข้อความนี้ ไม่ใช่พี่สาวของบอลส่งเอง แล้วเป็นคนร้ายสวมรอยส่งมา ก็ต้องบอกว่า เขาคงรู้ความเคลื่อนไหว รู้กิจวัตรของครอบครัวนี้ทั้งหมด รู้ว่าบอลลาเรียนให้หลานได้ รู้ว่าเปิดร้านปิดร้านอย่างไร จะมีใครเอาเงินมาฝาก อะไรต่างๆ พวกนี้ ข้อความทั้งหมดนี้ บ่งชี้ไปว่า คนที่ก่อเหตุ น่าจะเป็นคนที่อยู่ใกล้เคียง อยู่ไม่ไกลตัวคนตายแน่นอน รองแต้มทิ้งท้ายว่า เชื่อว่าคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อน เพราะตอนนี้หลักฐานหลายอย่างอยู่ในมือเจ้าหน้าที่ น่าจะใกล้ถึงตัวคนกระทำผิดแล้ว อีกไม่นานก็คงจะได้ความชัดเจน

ข้อมูลจาก รายการโหนกระแส

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ