ตำรวจเกาหลีใต้สั่งห้าม ซีอีโอของเจจูแอร์ และอีก 2 คน ออกนอกประเทศ

ตำรวจเกาหลีใต้สั่งห้าม ซีอีโอของเจจูแอร์ และอีก 2 คน ออกนอกประเทศ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ว่า ตำรวจได้สั่งห้าม "คิมอีแบ" ซีอีโอของเจจูแอร์ และบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 2 คน ออกนอกประเทศ เนื่องจากเหตุโศกนาฏกรรมของเครื่องบินโดยสารเจจูแอร์ที่เกิดขึ้นที่สนามบินนานาชาติมูอัน จังหวัดชอลลานัม-โด

เมื่อวันที่ 2 มกราคม ศูนย์สืบสวนอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารเจจูแอร์ของสำนักงานตำรวจจังหวัดชอลลานัม-โด เปิดเผยว่า ได้สั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศสำหรับ "คิมอีแบ" และบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 2 คนตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา

ตำรวจระบุว่า "คิมอีแบ" ถือเป็นพยานสำคัญในคดีที่กำลังสืบสวนเกี่ยวกับข้อกล่าวหา "ประมาทเลินเล่อทางวิชาชีพจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ"

ก่อนหน้านี้ ในวันเดียวกัน ตำรวจได้เข้าตรวจค้นสำนักงาน 3 แห่ง ได้แก่ สำนักงานที่เกี่ยวข้องของสนามบินมูอัน สำนักงานสาขามูอันของกรมการบินพลเรือนเมืองปูซาน และสำนักงานกรุงโซลของเจจูแอร์ โดยตั้งใจวิเคราะห์ของกลางที่ยึดมาเพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งนี้

ตำรวจมีแผนที่จะสืบสวนในหลายด้านที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ความเสียหายจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้รุนแรงขึ้น เช่น ระบบโลคัลไลเซอร์, ประวัติการบำรุงรักษาเครื่องบิน, การชนกับฝูงนก (Bird Strike) และหอควบคุมการบิน

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา เครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน 7C2216 ของเจจูแอร์ ซึ่งเดินทางจากกรุงเทพฯ และมีกำหนดลงจอดที่สนามบินมูอัน ประสบเหตุชนกับฝูงนก (Bird Strike) และต้องลงจอดฉุกเฉินก่อนที่จะเกิดการระเบิด ส่งผลให้ผู้โดยสาร 179 คนจากทั้งหมด 181 คนเสียชีวิต

นายคิมอีแบ ซีอีโอของเจจูแอร์ ได้จัดแถลงข่าวฉุกเฉินในขณะนั้น โดยกล่าวว่า "เครื่องบินลำนี้ได้รับการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องตามโปรแกรมการบำรุงรักษา และไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความผิดปกติใด ๆ"

นอกจากนี้ เขาได้กล่าวคำขอโทษต่อสาธารณชนว่า "ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งและขออภัยต่อผู้โดยสารและครอบครัวของผู้เสียชีวิต เหตุการณ์นี้ยังต้องรอผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานรัฐบาล แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ผมในฐานะซีอีโอรู้สึกถึงความรับผิดชอบอย่างลึกซึ้ง"

เขายังย้ำว่า "เจจูแอร์จะทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการกับเหตุการณ์นี้อย่างรวดเร็ว และสนับสนุนครอบครัวของผู้โดยสาร รวมถึงร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อค้นหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ให้ถึงที่สุด"

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ